วันศุกร์ที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2558

ห้ามจัง


การเข้าสวดมนต์ นั่นคือเข้ามาในบริเวณเขตพัทธสีมาของศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ทุกการกระทำมีผลเป็นทวีคูณ ทำถูกก็ผลมหาศาล ทำผิดผลก็มหาศาลเช่นกัน

หากแต่การกระทำทุกสิ่งอย่าง ย่อมต้องมีเหตุและผล ศาสนาไม่บัญญัติการกระทำที่ทำแล้วไร้ผล หรือพูดฟังง่ายๆว่า ทำแล้วเสียเปล่าอย่างแน่นอน

หลายคนที่นิสัยเคยชิน กับความสบาย เมื่อเข้ามา สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แลกลายเป็นวิบากกรรมแห่งตนอันสาหัส อันเนื่องมาจากความรักสบายอย่างหนึ่งก็คือ ความร้อนของอากาศ

นิสัยที่ติดห้องแอร์ ชอบอากาศเย็นๆสบายๆ อย่างน้อยก็ต้องมีพัดลมโกรก กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เมื่อมาเจอบรรยากาศแบบนี้ พฤติกรรมที่เราท่านพบเห็นคนถือพัดเข้ามา แล้วก็พัดให้ตนเอง จึงเป็นภาพชินตา

บัญญัติของศาสน์ล้วนแล้วแต่เป็นบัญญัติทุกข์ ด้วยพระภูมีทรงเล็งเห็นความจริง ทุกข์วันนี้สุขวันหน้า หากจะให้เสียซึ่งสุขวันนี้ ก็จักทุกข์ในวันหน้า

หลายคนอาจนึกนินทาในใจ หรือคิดไปต่างๆนานา เห็นกรรมการนั่งในห้องแอร์ แต่ตัวเองต้องมานั่งทนร้อนอยู่ด้านนอก นั่งก็ลำบาก แถมยังร้อนอีกต่างหาก

การพัด เพื่อให้ตนเองเย็นสบาย ก็เป็นข้อห้ามอย่างนึงเช่นกัน

นี่ไม่ใช่เป็นการทรมานคนป่วยหรือไร เพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ...

เมื่อมองจากตาคน สิ่งที่เห็นย่อมเป็นการโหดร้าย เป็นข้อห้ามที่ไม่สมเหตุสมผล ก็อากาศมันร้อน อึดอัด ... ทำไมจะพัดให้เย็นขึ้นไม่ได้ .. แอร์ก็ไม่ยอมเปิดให้

หลวงพ่อนิพนธ์จึงอรรถาธิบายให้ฟังว่า ก็ด้วยการทำเช่นนั้นจะทำให้ร่างกายเราท่าน อ่อนแอไม่มีภูมิต้านทานความร้อน

พระภูมีทรงตรัสรู้ธรรมชาติของมนุษย์ เมื่อยามป่วยไข้ สิ่งที่เป็นอันตรายกับมนุษย์มากที่สุด นั่นคือ ความร้อน ที่เมื่ออาการของโรครุนแรง ความร้อนนี้เองจะทำให้ระบบสมองของมนุษย์ถูกทำลาย

ดังนั้น พระภูมีจึงทรงบัญญํติวินัยทุกข์ ให้สาวกฝึกตน ทนกับความร้อนที่สูงไว้ สำหรับเราท่าน แค่นั่งในอุณหภูมิห้อง อย่างเก่งก็สี่สิบกว่าองศา เราท่านก็ทนไม่ได้แล้ว

แต่อาการไข้ โดยเฉพาะที่เฉียบพลันทำให้คนตายได้ภายใน ๒๔ ชั่วโมง อาจสูงถึงเกือบห้าสิบองศา นั่นวัดจากภายในร่างกาย

เมื่อสี่สิบกว่ายังทนไม่ได้ การเข้ากระโจมที่อุณหภูมิสูงกว่า ย่อมยากจะทนได้

ยิ่งการใช้ธรรมชาติ ด้วยการกำหนดธุดงค์ทุกปี ในช่วงเดือนที่มีอากาศร้อนที่สุด แถมสาวกก็ต้องปลงผม ไม่มีหมวก ร่ม คอยบังศรีษะ

อุณหภูมิห้องยังทนไม่ได้ กระโจมก็ยาก หากจะให้ถึงบัญญัติสูงสุดในการสร้างภูมิ นั่นคือเดินกลางแดด ให้ศรีษะร้อนวันละหลายๆ ชั่วโมง เป็นระยะเวลาประมาณ ๓ เดือน ในแต่ละปี ยิ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย

หากแต่คุณประโยชน์จากการทนด้วยบัญญัตินี้ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้ว่า ทำให้ร่างกายเราท่าน มีภูมิต้านทานต่อความร้อนสูง เมื่อผนวกรวมกับสมุนไพร เช่น สมุนไพรมะกรูด ด้วยแล้ว เรียกว่า อวัยวะส่วนสมอง ที่บอบบางต่อความร้อนสูง จะมีภูมิทนได้ถึง ๖๐ องศาเซลเซียสเลยทีเดียว

ผลก็คือ ไม่ว่าโรคที่เป็น อาการที่เกิด ยามกรรมมาถึง อุณหภูมิอันเป็นผลมาจากอาการของโรค ที่สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะทนได้ แล้วสมองถูกระทบกระเทือน จนอาจเสียชีวติ จะไม่มีทางเกิดกับเราท่าน ที่ทำตามบัญญัตินี้ได้เลย

หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า เห็นคนถือพัด แอบเปิดแอร์ให้ตน คนเหล่านั้น ขาดคุณสมบัติแล้ว ยากที่จะช่วยตนได้

เรียกได้ว่าแพ้ตั้งแต่ในมุ้ง ... เพราะแค่พิษไข้สูงธรรมดา ร่างกายก็จะทนไม่ได้แล้ว ไม่ต้องสูงมากแบบที่ทำลายสมอง อาทิ มาเลเรียหรอก

ที่เปิดพัดลมให้ ก็ถือว่าช่วยบรรเทา ไม่ให้ทุกขเวทนามากจนเกิน เท่านั้นเอง ... เรียกว่าหลวงพ่อนิพนธ์หย่อนให้แล้ว ... โน่นของจริงไปเต็มหลักสูตร ... เขาต้องเดินกลางแดด ห้ามมีอะไรบัง

ภาพในอดีตถ้ำกระบอก หากมีโอกาสเห็นช่วงเดินธุดงค์ ก็จักเห็นลูกศิษย์เดินตามกันเป็นขบวน ... ยาวเป็นกิโล

ที่ห้ามน่ะหวังดี ... แต่ไม่ห้ามซิ ... แสดงว่าเห็นแล้ว มึงจะตาย เรื่องของมึง ปล่อยวาง ไม่ใช่เรื่อง ตัวใครตัวมัน ... คนรู้และมีจิตเมตตา เขาจึงห้าม

เรื่องของที่นี่ หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า ต้องใช้ศรัทธา เชื่อ แล้วทำตาม .. เพราะหากจะให้ชี้แจงเหตุและผลทุกสิ่งอย่าง คงทำไม่ได้ .. แต่ยืนยันว่า สิ่งที่ให้กระทำ มีผลต่อชีวิต และให้ผลที่ดี อย่างแน่นอน

เพราะที่นี่เดินตามบัญญัติธรรมของพระภูมี ตามที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ... พระภูมียังกลัวกรรม ... ที่นี่ก็กลัวกรรม ... ไม่ทำในสิ่งที่เป็นโทษอย่างแน่นอน

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44