เริ่มตั้งแต่ การเพิ่มปริมาณสมุนไพร นับตั้งแต่วันแรกที่มา แบบจัดเต็ม เพื่อให้คนไข้ใหม่ได้มีโอกาส ผ่านวิกฤตได้ง่ายขึ้น จากปริมาณสารสมุนไพรที่ได้รับ เพียงพอต่อปัญหาที่มี
เราได้เห็น สมุนไพรปอด ที่ในอดีตหลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า มีความจำเป็นแก่ทุกคน ก็จะเริ่มจัดให้สมาชิกใหม่ได้ทาน นับตั้งแต่วันแรกที่มา
ที่สำคัญกว่านั้น นั่นคือ การอบรมคนไข้ใหม่ หลวงพ่อนิพนธ์ก็จักทำด้วยตนเอง
สัญญาณอันนี้ ทำให้รู้ว่า ในไม่ช้ากระบวนการคัดสรรคนไข้ ก็จักเริ่มขึ้น นั่นคือ การเลือกเฟ้นคนที่อยากช่วยตนจริงๆ มีความสม่ำเสมอ แลหวังผลในการมาทานสมุนไพร
ประเภทที่อยากมาก็มา ไม่อยากมาข้าก็หยุด จึงเป็นกลุ่มบุคคลที่หลวงพ่อนิพนธ์จัดอยู่ในประเภท มาทานสมุนไพรแบบไม่เอาผล จึงเป็นเป้าหมายที่จะต้องคัดออกไป
ประเภทที่สอนแล้ว ไม่สนใจ ไม่ทำตาม คุยในห้องสวดมนต์ ในกระโจม ในระหว่างทานสมุนไพร และรับสมุนไพร คนเหล่านี้ ก็จักเป็นกลุ่มที่ทานสมุนไพรไปก็ไร้ผล ก็ต้องถูกคัดออกไป
ท้ายที่สุด แม้นจักเหลือจำนวนคนทานสมุนไพร อาจจะไม่มาก แต่ทุกคนที่มา เดินในแนวทางของพระภูมี ที่หลวงพ่อนิพนธ์สอน หวังผลในการช่วยตน อัตราการประสพผลจากคนเหล่านี้ ก็แทบจะเรียกได้ว่าเกือบทั้งหมด
จะมีหลุดรอด ก็ประเภทที่โรคมาเพื่อจบพรหมลิขิต อันนี้ก็ต้องยอม
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า ก็ขนาดพระพุทธเจ้า ที่ไม่มีกรรม เมื่อถึงพรหมลิขิต ก็อุปมาตะเกียงหมดน้ำมัน จะฝืนไม่ได้ ก็ต้องไปเช่นกัน
เราจึงอยากเตือนอีกสักครั้ง เวลาในการปรับตัวน้อยลงเรื่อยๆ แลเวลาที่จะเบื่อเจ้าหน้าที่ ก็น้อยลงเช่นกัน เพราะในอีกไม่ช้า จะไม่มีเจ้าหน้าที่มาบอก มาเตือน จะมีก็แต่กรรมการเชิญตัวท่าน แล้วร้องขอให้ออกไป เพราะเมื่อตัวท่านไม่ทำ ก็ไม่มีประโยชน์ทั้งแก่ตัวท่านและสถานที่นี้ใดๆ นั่นเอง จะมาเสียเวลา เสียของ กันอยู่ทำไม
ปี่กลองเริ่มเชิด ยิ่งใกล้ศาสนาเกิด พระพุทธเจ้าปรากฎโฉม ความเข้มข้น และการทำตน ก็ยิ่งต้องปรับให้เดินในเส้นให้มากที่สุด ชีวิตจึงจะปลอดภัย
วันเวลาเดิมๆ ที่จะให้โอกาส คงจะใกล้หมดแล้ว ... เมื่อถูกคัดออก ก็จักกลายเป็น ยักษ์หน้าโบสถ์ เห็นคนเขารอด ตัวเองก็รู้ทางรอด แต่เข้าไม่ได้ วันนั้นเสียใจก็ไร้ประโยชน์