ผ่านมาหลายปี ฟังจนหูชา กับคำถามอมตะ ที่ว่า ... อาการนี้ไม่เคยเป็น ทำไมทานสมุนไพรแล้วเกิดอาการขึ้นมาเพราะสมุนไพรใช่ไหม ทำไมถ่ายบ่อย ปัสสาวะบ่อย ทำไม ทำไม .... สรุป อาการที่ไม่ดี ไม่ชอบ ต้องมาจากสมุนไพรแน่ๆ เลย ว่าไหม
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงพูดเสมอว่า โรคที่เราท่านเป็นไม่น่ากลัว นิสัย ความคิด พฤติกรรมต่างหากที่น่ากลัว ยิ่งคนที่ไม่ยอมฟัง แล้วพิจารณา เมื่อวันเวลานี้มาถึง สิ่งสูงและเป็นมงคลยิ่งจึงถูกดึงต่ำ จากพระเจ้าที่ช่วยชีวิต กลายมาเป็นจำเลย หรือ ปีศาจร้าย ที่ให้ทุกข์เวทนาแก่คนคนนั้น
สิ่งที่ไม่เคยปรากฎ ไม่ใช่ว่าจะไม่มี ไม่เป็น อาจจะเพียงแค่มันยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเอง
เจ้าหน้าที่ท่านหนึ่ง มีปัญหาเกี่ยวกับกระดูกสันหลัง ผ่านการใช้เคมีจนครบทุกโรงพยาบาลดังที่มีในประเทศไทย รู้จักหมอชื่อดังในสาขานี้หมดทุกตัวคน เรียกว่า ไปหาหมอจนกระทั่งมีคิวพิเศษ ในกรณีเร่งด่วน ที่ไม่ต้องผ่านกระบวนการของโรงพยาบาล โทรไปปุ๊บ ไปถึงมีห้องรอ หมอมาปั๊บเลยประมาณนั้น
ไปจนหมอบอก เลิกเถอะ หนทางสายนี้สำหรับคุณ ไม่ว่าจะทุ่มเงินอีกเท่าไหร่ ก็ไม่มีประโยชน์ บังเอิญได้มาเดินในเส้นทางเลือกสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน
อยู่กับหมอ ใช้ยาเคมีช่วยกดอาการปวด เมื่อมาใช้แนวทางสมุนไพร ไม่มีตัวช่วย วันดีคืนดี ก็ปวดร้าวไขสันหลัง ลงขา แทบขยับไม่ได้
ก็ไม่เคยเป็น ทำไมมาทานสมุนไพรจึงมีอาการเช่นนี้ คำตอบที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้คือ ก็ยาเคมีมันน็อคประสาทจนชาด้าน ไม่รู้สึกแล้วนั่นเอง เมื่อทานสมุนไพร ร่างกายเริ่มมีความสามารถ ในการศัลยกรรมตัวเอง เริ่มแก้ไขตัวเอง ประสาทเริ่มฟื้น เมื่อฟื้นมักก็รู้สึก เมื่อรู้สึกก็ต้องเจ็บเป็นธรรมดา เพราะการเจ็บคือสัญญาณที่บ่งบอกว่า ร่างกายส่วนนั้นมีปัญหา ต้องการการแก้ไข
ก็ต้องทนปวดไป ทานสมุนไพรช่วย แต่จะไม่ปวดเลยเป็นไปไม่ได้ ถ้าอยากหายก็ต้องทน อาการปวดคืออาการของโรคที่เป็น ไม่ใช่สมุนไพรทำให้ปวด ทนจนกว่าร่างกายจะแก้ไขเสร็จ เมื่อหายปวดโดยไม่พึ่งเคมี นั่นแหละคือการหาย
หรืออย่างนักตรวจบัญชีใหญ่ ผู้ซึ่งตั้งแต่เกิดไม่เคยได้กลิ่นอะไรเลย เพราะปัญหาทางโรคจมูก ใครจะใช้น้ำหอมอะไร สูบบุหรี่อย่างไร ก็ไม่รู้สึก ไม่เหม็น อยู่้มาวันหนึ่ง แค่กลิ่นเหล่านี้โชยมาแต่ไกล ก็ทนไม่ไหว โวยวายกับหลวงพ่อนิพนธ์ในอาการที่เป็น นึกว่าระบบของตนเสีย ทั้งที่จริงมันเสียอยู่แล้ว และกำลังกลับมาดี
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้จุดนี้ให้เห็นว่า เมื่อร่างกายมีความสามารถ ฟื้นฟูระบบได้ ไล่ของเสียได้ สิ่งที่เป็นอยู่ก็จะปรากฎอาการ จมูกที่ไม่เคยได้กลิ่น เริ่มฟื้นเหมือนเด็กอ่อน จึงทนอะไรไม่ได้ ต้องรอจนกว่าจะฟื้นฟูเต็มที่
ของเสียในระบบเลือด น้ำเหลือง ที่เป็นพิษ และฝังตัว ถูกดึงออกและขับออกทางผิว เกิดอาการตุ่ม คัน เป็นจุด เป็นหนอง ... จึงเกิดให้เห็นเป็นปกติ
สมุนไพรมีแต่คุณ ไม่มีโทษ สิ่งที่เป็นของเราท่าน ไม่เคยมี ไม่ใช่ไม่มี เพียงแต่โรคมันยังอ่อน ไม่แก่ตัวจนปรากฎอาการเท่านั้น
ความสงบ ยอมรับในกรรมที่ทำมา จึงเป็นหนทางที่จะช่วยตน รักษากรรมฐาน ยืนหยัดทานสมุนไพร และทนต่ออาการได้ นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไม กรรม มันจึงกลัวความสงบ
การฝึกรักษาความสงบ ฝืนนิสัย ในห้องสวดมนต์ กระโจม แม้นกระทั่งเวลารับสมุนไพร จึงเป็นพื้นฐานในการรักษากรรมฐานของเราท่าน
หากแค่นี้ยังสอบตก เมื่ออาการของโรคปรากฎ ก็ยากยิ่งที่จะรักษาความสงบได้ กลายเป็นกระต่ายตื่นตูม วิ่งไปหาหมอแทบไม่ทัน ... ผลก็คือ ไม่ได้ตายด้วยโรค แต่ตายเพราะการตื่นตูมนั้นๆ ...
หากสมุนไพรของพระภูมีที่ทิ้งไว้ให้ มีโทษแม้นแต่เพียงน้อยนิด พระภูมีย่อมต้องตกเป็นจำเลยแห่งกรรม จากบัญญัติของตน จะไปนิพพานได้อย่างไร
จึงไม่แปลก ที่หลวงพ่อนิพนธ์สอนเราท่านเสมอ คนที่มาทำเล่น มองทางวงจรปิด เห็นนั่งคุยบ้าง อ่านหนังสือบ้าง เล่นโทรศัพท์บ้าง คนเหล่านี้ ไม่มีทางประสพผลในการช่วยตนอย่างแน่นอน อุปมาเหมือนนักกีฬาที่ไม่ฝึกฝน ยามแข่งขัน ย่อมไม่มีทางชนะ มาเสียเวลาเปล่า อย่ามาเลย แพ้ตั้งแต่อยู่ในมุ้ง
เพราะคนเหล่านั้นประมาทคู่ต่อสู้ ทั้งๆ ที่คู่ต่อสู้คือ กรรม มีอำนาจปกครองโลก ไม่เคยแพ้ใคร อะไร หรือหน้าไหน ในโลกนี้ จะมีเพียงอย่างเดียวก็คือ ความสงบ อันเกิดจากธรรมของพระภูมี
แม่ชีเมี้ยน จึงตรัสเสมอๆ ว่า ขันติสงฆ์ กรรมน่ะ กรรม จำไว้ให้ดี กรรมมันใช้ กรรมมันสั่งแล้วเป็นทุกข์ แล้วคนเหล่านั้นเป็นใคร มีพฤติกรรมท้าทายกรรม ท้าทายธรรม แล้วจักประสพผลโดยวิธีใด
หากจะมาทำเล่น พูดหยาบๆก็ต้องว่า มึงแน่มาจากไหน เมื่อมึงไม่กลัวกรรม ก็ไปที่อื่น ที่นี่เขากลัวกรรม เขาจึงมาหาธรรมเป็นที่พึ่ง