พวกที่กล่าวอ้างเพื่อสิทธิ์ในการทำชั่ว ว่าทำดีได้ดีมีที่ไหน เพราะเห็นคนที่ทำชั่วมานมนาน แช่งชักกันทั่วหมู่บ้าน ก็ยังอยู่ยงคงกระพัน รุ่งเรืองและทำความชั่วได้ตลอด
นั่นก็เพราะกรรมที่ทำในชาตินี้ ผลเกิดชาติหน้า หากแต่ผลในชาตินี้ มันเกิดจากอดีตนั่นเอง
จึงไม่น่าแปลกใจ ที่คำตอบของแม่ชีเมี้ยน เมื่อครั้งถูกหลวงพ่อนิพนธ์ถามว่า ไม่กลัวว่าตำราของท่าน จะถูกขโมยไปหรือ เพราะมีคนรู้กันมากมาย
เรื่องก็มาถึงบางอ้อว่า สมุนไพรอุปมาเหมือนสังขาร อำนาจในการปลุกเสกสมุนไพร เป็นของท่าน คนที่เรียนรู้วิธีทำสมุนไพร เมื่อไม่มีคาถาปลุกเสกจากท่าน สมุนไพรก็ไม่มีวิญญาณ ไม่มีฤทธิ์ ดุจมัมมี่ ทำอะไรไม่ได้
คนที่เป็นคนปรุงแต่งสมุนไพรให้มีฤทธิ์ นั่นหมายถึงได้รับอนุญาต จึงทำได้ และเมื่อครั้งถ้ำกระบอก แม่ชีเมี้ยน ก็ได้มอบอำนาจนี้ให้ท่านจำรูญ เจ้าอาวาส
ท่านจำรูญจึงมีสิทธิ์ที่จะทำสมุนไพร และการสิ้นสุดสัญญา ก็นับจากการสิ้นสุดลมหายใจของแม่ชีเมี้ยน
เมื่อแม่ชีเมี้ยน เห็นว่าท่านจำรูญมีปณิธานเปลี่ยนไป จึงต้องละสังขาร เพื่อนำอำนาจกลับมา แล้วจึงมอบให้หลวงพ่อนิพนธ์
สิ่งที่ผู้ถืออำนาจกล่าว และอนุญาต จึงมีผล ในการสร้างบาปบุญ และเมื่อมอบหรือสั่งให้ผู้ใดทำแทน ย่อมหมายถึงผู้นั้นเป็นผู้ถืออำนาจในการทำ ผู้ใดทำตามจึงมีผลเฉกเช่นเดียวกัน
นี่จึงเป็นสิ่งหนึ่ง ที่เราท่านหากสังเกตจะพบเห็นว่า การกระทำกิจกรรมใดๆ ก็ตาม ในชมรมคนรักสุขภาพ จึงต้องขออนุญาตจากหลวงพ่อนิพนธ์ก่อน
สิ่งที่ดูเหมือนกัน ทำเหมือนกัน หากแต่ไม่ได้รับอนุญาตแล้วไซร้ ก็ไม่สามารถเป็นบุญมาเลี้ยงตน อย่างดีก็แค่กรรมดี
ยกตัวอย่างเช่น การสวดมนต์ แม้กระทำในห้องเดียวกัน ทำเหมือนกัน แต่ผิดที่ทำตามนิสัยใคร ผลก็แตกต่างกัน
หลวงพ่อนิพนธ์ อนุญาตให้ท่าน อ.อร่าม เป็นผู้นำสวด นั่นหมายความว่า ผลของการสวดของเราท่าน ต้องเอื้อนเอ่ยตามการสวดของท่าน อ.อร่าม จึงจะเป็นผลมาช่วยตน
คนที่สวดเหมือนกัน แต่สวดตามนิสัยตน ตามความคิดตน ไม่สนการนำของ อ.อร่าม นั่นหมายความว่า เดินนอกกรอบ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า "ท่านไม่รับผิดชอบบุคคลเหล่านั้น"
เพราะสิ่งที่ทำ ตัวท่านไม่ได้เป็นคนกำหนดให้ทำ หรืออนุญาตให้ทำเช่นนั้น การกระทำแม้นดูว่าจะเป็นการสวดมนต์เหมือนกัน ห้องเดียวกัน เวลาเดียวกัน ผลก็ต่างกัน เอานิสัยตนมานำ ไม่ได้เอาคำสั่งของท่าน คือ ให้ตาม อ.อร่าม มานำ
สิ่งเหล่านี้ ก็จะเห็นกันบ่อย ไม่ว่าเจ้าหน้าที่จะพูดเช่นไร ก็ทำเฉย ไม่รู้ไม่ชี้ อยู่ในห้องสวดมนต์ ก็เอานิสัยตน อยากคุย ก็คุย อยากทำอะไร ก็ไม่มีกฎวินัย มาบังคับฝืนตน
มันจึงเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจ ว่าทำไม คนที่ดูอาการร้ายแรง แต่ทานสมุนไพรไปพักเดียว ก็ฟื้นคืนปกตี คนที่ดูไม่สาหัส ทานมาตั้งนานก็ไม่เห็นจะดีขึ้น เรียกได้ว่า ส่วนใหญ่ทานแล้ว ผลที่ได้อืดเป็นเรือเกลือ
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า เคล็ดของมัน คือการได้รับอนุญาต และคำสั่งที่กล่าว หากใครทำตาม นั่นคือความรับผิดชอบของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ต้องให้ผลมหาศาล เพราะทำตามตัวแทนแห่งอำนาจ หากเพิกเฉย เพราะคิดว่า จับไม่ได้ไล่ไม่ทัน ผลก็ย้อนมาหาตน "ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"
คนที่ประสพความสำเร็จ จึงมักเป็นคนที่จดจ่อว่า หลวงพ่อนิพนธ์ท่านจะสั่งให้ทำอะไร แล้วรีบทำตาม
สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์สั่งทั้งหมด ท่านต้องเป็นผู้รับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว ในฐานะตัวแทนแห่งอำนาจ หรือ สิ่งศักดิ์สิทธิ์
ก็ขนาดตัวหลวงพ่อนิพนธ์เอง รู้สูตรสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนมากมาย ยังไม่กล้าทำแจกสุ่มสี่สุ่มห้าเลย จะทำสมุนไพรตัวใหม่ที ยังต้องขออนุญาตจากแม่ชีเมี้ยนทุกครั้งไป เมื่อได้รับอนุญาตแล้วจึงทำได้ และมีผลต่อผู้ทาน
ใครสังเกต ก็จะเห็นว่า หลวงพ่อนิพนธ์มีใจอยากช่วยคนไข้มะเร็ง โดยคิดว่าหากได้สมุนไพรเพิ่มอีกสักสองขนาน ก็น่าจะทำให้โอกาสรอดมีมากขึ้น จึงดำริวันปีใหม่ หากแต่ยังไม่ได้รับอนุญาต โดยให้รอหลังวันงานรำลึกคุณแม่ชีเมี้ยนก่อน จึงทำได้ หลวงพ่อนิพนธ์ ยังต้องรอเลย
แผ่นดินนี้ จึงเป็นแผ่นดินที่มาเดินตามรอยวินัยของพระภูมี ที่มีหลวงพ่อนิพนธ์เป็นตัวแทนกำหนดวินัยต่างๆ
ใครก็ตามที่มา แล้วไม่สนอะไร ทำตามนิสัยตน ...
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า มาเสียเปล่า .... อย่ามาเลย เพราะมิเพียงไม่ได้ผล หากแต่ยังเบียดเบียนสมุนไพรของผู้อื่น การไม่มา ยังเรียกว่ามีจิตกุศล ทำให้ผู้อื่นที่อยากหาย มีสมุนไพรทาน
และพวกที่ชอบหวัง นั่งขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้ตาย ท่านก็ไม่ช่วยหรอก เพราะจะเป็นการทำลาย พุทธพจน์ของพระภูมี ที่ทรงตรัสว่า "ตนเป็นที่พึ่งของตน" ไปเสียสิ้น
จึงไม่น่าแปลก ยามที่ดีๆ ขอจากเจ้าพ่อ เจ้าแม่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก็ได้หมด หากแต่ยามที่กรรมมา สิ่งเหล่านั้นวิ่งกระเจิงหายหมด ไม่มาช่วยเลย แม้แต่ปวดท้องก็ช่วยไม่ได้
ใครจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่สิ่งหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยนตรัสยืนยัน นั่นคือ ศาสน์มีเจ้าของ อันหมายถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีเจ้าของ ไม่ใช่ของสาธารณะ ใครจะแห่ไป ใครจะแห่มา ร้องขอตามใจชอบไม่
ในทางกลับกัน กรรม ก็มีเจ้าของ ไม่ใช่ใครไม่ชอบใคร แล้วจะไปยัดกรรมให้คนที่ไม่ชอบได้ ด้วยเหตุนี้ หากไม่ขอบใคร จะแช่งชักสักฉันใด ก็ทำให้คนที่ถูกแช่งวิบัติไม่ได้ หากผู้นั้นไม่มีกรรม