คำคนฟังเขามา ก็เล่ากันไป แสดงความเห็นกัน ยิ่งเป็นสิ่งที่ผิด ยิ่งส่งเสริม กระพือ ชวนกันพูด ส่งเสริมกันทำบาป หน้าตาเฉย
สัปดาห์ที่ผ่านมา บรรยากาศห้องสวดมนต์ค่อนข้างจะร้อน ก็ด้วยเหตุที่ ไม่มีการเปิดแอร์ และมีพัดลมใหญ่เพียงไม่กี่ตัว บวกกับสภาพอากาศ จึงทำให้หลายคนอึดอัด ทนไม่ไหว
แต่สิ่งที่เราได้ยินได้ฟัง มันทำให้ร้อนยิ่งกว่าอากาศในห้องสวดมนต์อีก เพราะไม่เชื่อว่าสิ่งที่ได้ยินนั้น จะเกิดจากหมู่สมาชิกของชมรมเอง ที่พูดแล้วบอกต่อกันไป
คำกล่าวเหล่านั้น แสดงความเห็นกันไปต่างๆ นานา และกล่าวต่อกันไปว่า เหตุที่ห้องสวดมนต์นั้น ไม่ยอมเปิดแอร์ ก็เนื่องมาจากหลวงพ่อนิพนธ์ จะบีบให้ยอมเก็บเงินค่าจอดรถ นั่นเอง และเมื่อไหร่ที่เก็บเงิน ก็จะเปิดแอร์อีกครั้ง
ได้ยินได้ฟังแล้วแทบทรุด เพราะไม่เชื่อว่าจะมีคนคิดแบบนี้ ซ้ำร้ายพูดต่อกันไป คนโน้นที คนนี้ที แถมเออออห่อหมกกัน ว่า มันคงจะจริง
ทั้งที่เรื่องจริง นั่นคือ ช่วงนี้เป็นหน้าร้อน การใช้กระแสไฟมาก ทำให้เกิดสภาพไฟตก จนทำให้สายไฟช็อตขาดหลายครั้ง
ช่างไฟ จึงให้คำแนะนำว่า ควรจะเดินสายไฟที่เกี่ยวกับแอร์ใหม่ ให้เป็นเฉพาะส่วน เพื่อไม่ให้แอร์ดับ และเกิดการช็อต
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงสั่งดำเนินการตามที่ช่างไฟแนะนำ เพราะรู้ดีว่า บรรยากาศในห้องสวดมนต์ มีส่วนสำคัญต่อคนป่วย ในการรักษาสมาธิ เรียนรู้ ...
ทำเสร็จ ส่งบิลมาก็ สี่หมื่นกว่าบาท
น้ำใจเช่นนี้ ไปหาได้ที่ไหน
แต่คุณไม่ได้ กลับได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์ จากสมาชิก บางหมู่ บางเหล่า เรียกว่า หน้ามือ หลังตีน
เราไม่รู้ว่า คนพวกนั้นคิดกับหลวงพ่อนิพนธ์อย่างนั้นได้อย่างไร แล้วยังลอยหน้าลอยตา ไปชวนให้คนอื่นคิดตามตน ...
ก็เลยสงสัยว่า คนเหล่านั้นมาหาหลวงพ่อนิพนธ์ให้ช่วย แต่พฤติกรรมที่กำลังทำอยู่ หลวงพ่อนิพนธ์จะช่วยคนเหล่านี้ได้โดยวิธีใด ... ไม่มีทางเลย
ก็ได้แต่ปลง และทำให้รู้ซื้งแล้วว่า ทำไมพระโคดม เมื่อครั้งสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้า จึงอดอาหารแล้วไปนิพพานเลย ก็ด้วยทรงเห็นนิสัยมนุษย์แล้ว รู้ดีว่ามันยากลำบาก....
กระนั้น ก็คิดว่าต้องมีคนที่หูหนักบ้าง เชื่อและศรัทธา ในตัวหลวงพ่อนิพนธ์ ส่วนคนเหล่านั้น ได้แต่กล่าวว่า "ช่างพวกเขาเถอะ ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น"