วันจันทร์ที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2555

ความแตกต่าง - ระหว่างถ้ำกระบอกและมูลนิธิไทยกรุณา

สิ่งที่เราสังเกต ภาพจากอดีตเปรียบเทียบกับปัจจุบัน แลเห็นเด่นชัด นั่นคือ สัดส่วนของผู้ประสพผลสำเร็จในการรักษาตนเอง

ในอดีตคนที่ไปถ้ำกระบอก มักล้วนแต่ประสพผลสำเร็จตามความปรารถนากันแทบทั้งสิ้น ต่างกับปัจจุบัน คนที่มาแล้วประสพผล คาดว่าน่าจะไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ

อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดผลดังกล่าว ก็ต้องย้อนไปทบทวนคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ ทำให้เราพบว่า เพราะความไม่เอื้ออำนวยของสถานะจากตัวท่านเอง และสถานที่่ ทำให้คนที่มาไม่สนใจที่จะเรียนรู้ หรือทำในสิ่งที่ช่วยตนเอง มุ่งเข็มไปที่สมุนไพรเพียงอย่างเดียว

คนยุคปัจจุบัน ได้ยินการบอกกล่าว ฟังแต่เรื่องราวที่บางคนประสพผลสำเร็จ เป็นเรื่องราวอัศจรรย์ และคิดว่าถ้าได้ทานสมุนไพรก็จะประสพผลเช่นเดียวกันอย่างแน่นอน

แต่เมื่อเวลาผ่านไป ผลก็ปรากฎว่าผู้คนเหล่านั้น หาได้ประสพผลดังหวังไม่ สาเหตุหลัก หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เพราะเขาขาดองค์ความรู้ ที่ต้องเรียนและนำไปปฏิบัติควบคู่กับการทานสมุนไพร เพื่อให้เกิดผลนั่นเอง

ภาพที่ปรากฎให้เห็นเด่นชัด ก็คือ ยุคถ้ำกระบอก หลวงพ่อนิพนธ์ และผู้ที่ร่วมงาน ล้วนแล้วแต่เป็นพระและแม่ชี ซึ่งมีวัตรปฏิบัติข้อหนึ่งที่สำคัญ คือ "ไม่รับเงิน"

พระไม่ต้องมีเงิน แต่ในยุคของถ้ำกระบอก กลับมีวัตถุดิบมากมาย มากองให้พระนำไปปรุงเป็นสมุนไพร สร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้ป่วย รวมถึงทำอาหาร เสื้อผ้า

ไม่ว่าผู้คนจะหลั่งไหลมาเป็นเรือนหมื่น เรือนแสน ถ้ำกระบอกก็ไม่เคยขาดวัตถุดิบเลย มีแต่ต้องยกมือห้าม และให้รอ เพราะเกินความจำเป็น

มาในวันนี้ เมื่อเหลียวไปดูโรงทานเล็กๆ ที่อยู่ด้านหน้าตรงประตูทางเข้า กองวัตถุดิบที่ผู้ที่มา ไม่เคยเลยที่จะสูงกว่าหัวเข่า

สิ่งนี้ทำให้หลวงพ่อนิพนธ์ ต้องหารายได้เพื่อนำมาจัดหาวัตถุดิบ จึงจัดให้มีการขายข้าวแกง ขายน้ำ เพื่อให้มีวัตถุดิบ มาทำแจกให้ผู้ที่มาครบทุกคน

ภาพที่เห็น มันจึงสะท้อนออกมาว่า คนในอดึต เรียนรู้และเข้าใจว่า "หลักตนพึ่งตน" ของพระภูมี เขาทำกันอย่างไร แลการ "ให้สุขแก่เขา สุขนั้นถึงตัว" เขาทำกันอย่างไร

คนในยุคถ้ำกระบอก จึงมาถ้ำเพื่อปฏิบัติตามคำสอน เพื่อให้เกิดคุณสมบัติรองรับ แล้วจึงนำสมุนไพรไปทาน ผลที่ปรากฎจึงมหาศาล

มา ณ วันนี้ บังเอิญ คนสอน ไม่ได้ห่มจีวร สถานที่ ไม่ได้เป็นวัด แต่คำสอนยังเหมือนเดิม ผลจากการปฏิบัติก็ยังเป็นเช่นเดิม แต่ผู้ที่มา ไม่ได้ทำเหมือนเดิมเสียแล้ว

ความคิดในการมายังสถานที่ของแม่ชีเมี้ยน ก็ผิดแผกแตกต่างไปกันอย่างสิ้นเชิง

เพราะคนในอดีต เขาเชื่อในตัวกระทำ อาศัยพึ่งผลจากรอยมือ รอยตีนของตน ดังนั้น เมื่อไปถ้ำกระบอก ก็ตั้งใจที่จะทิ้งรอยมือ รอยติน ให้ประทับไว้ในแผ่นดินของแม่ชีเมี้ยน เพื่อจะได้เป็นที่พึ่งของตน เป็นประจักษ์พยานว่า "เขาได้ทำสิ่งที่ให้สุขแก่ผู้อื่น" ตามคำสอนของพระภูมี เพื่อเป็นที่พึ่ง และได้ของแถมกลับบ้าน คือ สมุนไพร

ถ้ำกระบอกในยุคนั้น จึงหาขยะตามพื้น หรือหาพื้นที่ที่รก ไม่ได้เลย แม้แต่ที่ว่างสักน้อยนิด ก็แย่งกันปลูกต้นไม้ ยิ่งถ้าเป็นโรงเรือนคนไข้ หรือห้องน้ำ ก็ต้องต่อคิวขอมีส่วนร่วม ปูนสักถัง ไม้สักท่อน ได้ถือสักนิด ก็ยังดี ขอให้มีรอยของเขาเหล่านั้นบ้าง

แม้แต่หินก้อนมหึมา ยังช่วยกันใช้ค้อนเล็กๆ กระเทาะเป็นหินเล็กๆ นำมาก่อสร้าง อาคาร ถนน จนพื้นที่ที่ขรุขระ เต็มไปด้วยหิน กลายเป็นพื้นเรียบ แลตำแหน่งที่หินก้อนใหญ่นั้นอยู่ ก็กลายเป็นต้นไม้

จึงไม่น่าแปลก ที่คนในอดีตส่วนใหญ่จะประสพผล เพราะการรักษาของเขา ใช้ทั้งสมุนไพร และธรรมคำสอน คู่กันนั่นเอง

ยุคปัจจุบัน เดินไปทางไหน ก็มักจะได้ยิน คนถามเจ้าหน้าที่ เมื่อไหร่จะแจกยา ทำไมไม่รีบแจกจะได้รีบกลับ แล้ว......

เราจึงมอง และพิจารณาว่า คนส่วนใหญ่ มาเพื่อรับสมุนไพรเพียงอย่างเดียว ไม่สนสิ่งอื่นใด ภาพที่เห็น จึงฟ้อง ไม่ว่า กองวัตถุดิบสมุนไพร ขยะที่ทิ้งกันเกลื่อนกลาด แลที่สำคัญ ไม่เคยคิดที่จะทิ้งรอยมือ รอยตีน ไว้เป็นที่พึ่งของตนเลย

จึงไม่น่าแปลก ที่คนส่วนใหญ่ ที่มาตามกระแส ดังที่หลวงพ่อนิพนธ์ท่านเรียก จึงไม่ประสพผลเท่าที่ควร หรือ อาจล้มเหลว ในแนวทางสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน ด้วยเหตุที่เขาเหล่านั้น เดินขาเดียว นั่นเอง

หลวงพ่อนิพนธ์ มักจะกล่าวสอนเสมอว่า หลักที่เราใช้ มีสองขา "สมุนไพรล้างโรค ธรรมล้างกรรม"

เราจึงแปลกใจว่า คนเหล่านั้นจะประสพผลได้อย่างไร ในเมื่อเขาไม่เชื่อ และทำตามผู้ที่รักษาเขาเลย

จึงเป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ที่เมื่อเราท่านได้มาพบสิ่งที่ดี แนวทางที่ถูก กลับได้แค่เห็น แต่ไม่ได้สัมผัส ลาภของพระพุทธเจ้า คือ "ความไม่มีโรค"

จึงเป็นบทพิสูจน์ว่า หลัก "ตนพึ่งตน" ของพระภูมี เป็นจริงอย่างแน่นอน ก็ในเมื่อเราท่าน ไม่คิดจะทิ้งรอยมือ รอยตีน ไว้เป็นที่พึ่ง ก็อย่าได้หวังว่า จะประสพผลได้เลย เพราะรอยมือ รอยตีน คนอื่น

คนที่คอยแต่การกระทำของผู้อื่นทำให้ ท่านเรียก "พวกชูชก" จะหนีจุดจบท้องแตกตาย ก็คงยาก

ก็คนทำให้ เขาเชื่อพระภูมี ทำมาหลายสิบปี ยังไม่เคยมีวันหยุด แม้แต่วันเดียว เป็นมาตรฐาน คุณธรรม ของผู้ให้ แต่ผู้ทาน หามาตรฐาน ตามคำสอนของพระภูมี ไม่ได้เลย ผลที่ได้ จึงเป็นดั่งตัวทำนั่นแล ......

เราจึงหวังแต่ว่า ด้วยจิตเจตนาของผู้ทำ ด้วยเมตตาของแม่ชีเมี้ยน และพระภูมี อาจจะเปลี่ยนใจคนยุคนี้ ให้ทำตนเช่นในคนยุคถ้ำกระบอกบ้าง คนที่มาจะได้สมหวังดังปรารถนา เช่นในอดีต

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44