นักแสดง นักร้อง ที่ได้รับคำชมว่าเก่ง ล้วนแล้วแต่หมายความถึงแสดงได้ถึงอารมณ์ บทบาทราวกับว่า เป็นตัวของตัวเองจริงๆ
มองกลับกัน ย่อมหมายความว่า เมื่อเราสะกดจิตตัวเอง ว่าเราเป็นเช่นไร อารมณ์ความรู้สึกก็จะเป็นเช่นนั้นตามไปด้วย
เคล็ดอันนี้ ใช้ได้กับผู้ป่วยเช่นกัน หรือแม้แต่คนธรรมดา อยู่กินปกติ ไม่เคยไปหาหมอ สภาพแข็งแรง ทำงานหนักได้ทุกวัน อยู่มาวันหนึ่ง ด้วยความรักของลูก จึงพาไปตรวจสุขภาพ ได้ฟังหมอว่า เป็นโรคร้ายแรง กลับมาบ้านก็จิตตก คิดแต่คำพูดของหมอที่ได้ฟังมา แล้วก็ติดกับดัก "คุณเป็นโรคร้ายแรง ถึงตายได้" จึงคิดแต่ว่า "กูตายแน่" อยู่ได้ไม่นานก็ตาย ทั้งๆ ที่ก่อนไปหาหมอ คนทั่วไปบอกว่า "แข็งแรงโคตรๆ ทำไม่หยุด"
การได้ฟังคำของหมอ จึงเป็นการสะกดจิตตัวเอง และทำให้ร่างกายเกิดความเครียด จนระบบรวน ทำงานผิดปกติ ในขณะที่หมอ มักกล่าวกับคนไข้เสมอว่า "ทำใจให้สบาย" ลักษณะเช่นนี้ พระภูมีเรียกพฤติกรรม "แกว่งตีนหาเสี้ยน" หรือ "อยู่ดีไม่ว่าดี" ดันไปรับรู้ เมื่อรับรู้แล้ว ก็เก็บเอามาคิด จนเป็นโทษแก่ร่างกาย
การไม่รับรู้ ไม่ไปตรวจ จึงเป็นการทำให้จิตเราผ่อนคลาย
ด้วยเคล็ดอันนี้เอง เมื่อโรเบิร์ต วิศวกรผู้ซึ่งเป็นมะเร็ง ผ่าจนไม่มีที่จะผ่า หมอบอกว่า อยู่ได้ไม่เกินสามเดือน มาพบหลวงพ่อนิพนธ์
ข้อปฏิบัติที่ให้โรเบิร์ตทำ คือ ชอบสิ่งไรทำสิ่งนั้น ให้เหมือนยามปกติที่เคยทำ ลืมเรื่องมะเร็ง ทำตัวดังคนปกติ แล้วมีพฤติกรรมเหมือนพญาน้อยชมตลาด เห็นโน่นซื้อ เห็นนี่กิน เหมือนคนปกติทั่วไป ใครถามก็ตอบ "สบายดี แข็งแรงดี"
จากวันมา โรเบิร์ตผู้ซึ่งรักการว่ายน้ำเป็นชีวิตจิตใจ จึงเริ่มไปสระ ว่ายตั้งแต่เบาๆ ไปกลับ จนวันสุดท้ายครบสามเดือน เขาสามารถว่ายไปกลับได้ถึง ๒๕ รอบ ในคราวเดียว
การสะกดจิตตัวดังกล่าว ทำให้ร่างกายไม่เครียด ปลอดโปร่ง ระบบของร่างกายจะทำงานตามปกติ ผ่อนคลาย ทำให้ฟื้นฟูได้เร็ว
การแช่ง ผู้อื่นทำอย่างไร ก็ไม่เป็นผล หากแต่การแช่งตัวเอง ทุกลมหายใจเข้าออก เฝ้าบอกตัวเอง เมื่อมีอาการใดปรากฎว่า "แย่แล้ว ตายแน่ ไม่รอดแน่" สิ่งนี้แหละเป็นผล กลับกัน ก็เป็นผลเช่นเดียวกัน แล้วทำไมไม่บอกว่า "แข็งแรง สบายดี ดีขึ้นแล้ว เดี๋ยวก็หาย" ทำให้จิตผ่อนคลาย กายไม่เครียด ระบบทำงานปกติ ไม่ดีกว่าหรือ