นักวิทยาศาสตร์ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ ล้วนไม่มีสิ่งใดจะเหนือกรรมไปได้ จึงไม่มีทางที่จะรักษาโรคได้อย่างแน่นอน
ท่านจึงให้สติว่า ทำไมเราไม่เชื่อมหาบุรุษ ผู้ซึ่งพิสูจน์แล้วว่า เป็นผู้เดียวที่สามารถชนะกรรมได้ และสิ่งเดียวที่ใช้ในการเอาชนะก็คือธรรมของท่านนั่นเอง ดังนั้น พหูสูตของท่านที่กล่าวไว้ คือ "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน" จึงเป็นหลักการในการรักษาโรค กล่าวคือ ต้องใช้สมุนไพร เพื่อให้ท้องย่อย แล้วนำไปสร้างภูมิ เพื่อรักษาตัวผู้ทานเอง ถ้าเทียบเคียงกันก็คือ โรคเป็นตัวแทนแห่งกรรม ที่เป็นรูปธรรม สมุนไพรก็เป็นตัวแทนแห่งธรรมที่เป็นรูปธรรม ส่วนกรรมเป็นนามธรรม ก็เฉกเช่นธรรมที่เป็นนามธรรมเช่นกัน ทั้งสองคู่นี้ จึงเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ เพราะตั้งอยู่บนหลักการเดียวกัน นั่นคือ ผู้ผูกย่อมต้องเป็นผู้แก้ จะให้ใครมาทำแทนไม่ได้
ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกเลย ที่หลักการนี้จึงมีคนนิยมน้อย เพราะต้องมารับสมุนไพรเอง มาเข้ากระโจมเอง แถมยังต้องรับธรรมไปปฏิบัติเอง คนมารับก็ว่าน้อย คนที่ประสบผลก็ยิ่งน้อยกว่าน้อย แต่ผู้ทำได้ย่อมประสบผลสำเร็จในการหายโรคอย่างแน่นอน และสิ่งที่แถมมาด้วย คือคนผู้นั้นจะกลายเป็นคนดีโดยอัตโนมัติ เพราะเขาจะมีธรรมของพระพุทธเจ้าอยู่ในใจ อย่างน้อยก็หมวด "ตนพึ่งตน" "ให้สุขแก่ท่านสุขนั้นถึงตัว" และ "ทุกข์วันนี้เพื่อสุขวันหน้า" คนเหล่านี้คงไม่คิดที่จะกลับไปสร้างกรรมอีก เพราะเขาเชื่อแล้วว่า โรคเกิดจากกรรม ไม่ใช่ไปโทษการกินโน่นกินนี้ ทำอย่างนี้อย่างนั้น
ผู้ที่ประสบผลในยุคถ้ำกระบอก จึงมีแค่หลักแสน เท่านั้นเอง
บทสรุป ไม่มีหมอรักษาโรค ในโลกนี้ นอกจากตัวเอง
ไม่มีใครจะหายจากโรค โดยไม่เอาธรรมของพระพุทธเจ้าไปปฏิบัติ
โรคที่ลุกลามเป็นปัญหาระดับโลกทุกวัน ก็เพราะขาดธรรมของพระพุทธเจ้านั่นเอง วันใดที่ธรรมของพระพุทธเจ้ากลับมาเบ่งบาน ย่อมดีกว่า ประกันภัย ประกันชีวิต หรือ ยาใดๆ อย่างแน่นอน เพราะ ธรรมย่อมคุ้มครองผู้ประพฤติธรรม แล้วท่านเชื่อเรื่องกรรมหรือไม่
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น