หลังจากการเปิดสำนักที่ลพบุรีได้ไม่นาน จำนวนผู้คนที่แห่มารักษาโรคได้ทวีขึ้นอย่างรวดเร็ว จนรอบด้านสำนักสงฆ์ เต็มไปด้วยร้านค้า และที่พัก เพื่อบริการให้แก่ผู้ป่วย มีการมาตรวจสอบโดยสาธารณสุขหลายครั้ง หลายครา เพื่อพิสูจน์สมุนไพร ว่ามีอันตรายต่อมนุษย์หรือไม่ มีสารสตียรอยด์หรือไม่ และมีการจะให้ปิดสำนักอยู่หลายครั้ง ด้วยเหตุเดียวคือ ไม่มีใบอนุญาต หรือที่เรียกกันว่า ใบประกอบโรคศิลป์ ผลการตรวจทุกครั้ง ก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ และเนื่องจาก มีประชาชนจำนวนมากที่มารับการรักษา และได้ผล ทำให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ยังคงเปิดอยู่ได้
กระนั้นก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาอีกประการก็คือ วัตรปฏิบัติของท่าน ทำให้วัดข้างเคียงได้รับผลกระทบ จนประกาศไม่รับบวชพระให้แก่สำนักสงฆ์นี้ และที่สำคัญ พระที่จะบวชวัดนี้ส่วนใหญ่แล้วล้วนแล้วแต่พระอาพาธ หรือไม่ก็ติดยาเสพติดมาก่อนล้วนแล้วทั้งสิ้น จึงเป็นเหตุให้ปฏิเสธโดยง่าย
ฟ้ามีตา สำนักสงฆ์แห่งนี้ จึงได้อุปัชฌาย์ที่เป็นกำลังหลักที่สำคัญ คือ พระครูสุวรรณเจดีย์ แห่งวัดสุวรรณเจดีย์ ต.มหาราช อยุธยา ท่านได้เล็งเห็นคุณค่าในสิงที่หลวงพ่อนิพนธ์ทำ จึงอนุญาตให้ผู้ป่วยที่เลิกยาเสพติดแล้ว หรือเริ่มฟื้นตัวและมีความประสงค์จะบวช มาบรรพชาได้ที่วัดของท่าน สำหรับผู้ป่วยที่ยากจนก็บวชให้ฟรี บางครั้งท่านเจ้าอาวาสเองก็จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ ท่านกระทำอย่างนี้ จนปัจจุบัน มีตำแหน่งเป็นรองเจ้าคณะจังหวัด ก็ยังทำให้อยู่ โดยไม่เคยมีพระที่ท่านบวชให้สำนักสงฆ์แห่งนี้ ทำให้เสื่อมเสียถึงตัวท่านแม้แต่สักครั้ง ท่านถึงกับกล่าวว่า ท่านไม่นึกว่า สถานที่นี้จะช่วยคนมากมายถึงขนาดนี้ ไม่เคยเห็นที่ใดมาก่อนในชีวิต ถือเป็นความภาคภูมิใจที่ได้มีส่วนสนับสนุนกิจกรรมของที่นี่
กระนั้นก็ตาม เพื่อหลีกเลียงการกระทบกระทั่งกัน ในที่สุด หลวงพ่อนิพนธ์ จำต้องย้ายสำนัก ไปที่อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี กระนั้นก็ตาม ก็จะมีชาวกระเหรี่ยง มอญ และชาวบ้านแถวนั้น มารับการรักษามากมายเช่นเดิม
หลังจากการย้ายสำนักจากศรีสวัสดิ์ กลับมาที่ลพบุรีอีกครั้ง ก็ไม่มีการเปิดรับรักษาเป็นทางการ จะมีก็แต่ลูกศิษย์เพียงไม่กี่สิบครอบครัว ที่ยังเวียนไปมา และแนะนำผู้ใกล้ชิด ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นผู้ติดยาเสพติดมาเลิก และเริ่มมีผู้ป่วยเอดส์เข้ามา ในยุคแรกๆของผู้ป่วยเอดส์นี้ หลวงพ่อจะทำการรักษาจนฟื้นตัว และให้บวชทุกคน ผลที่ปรากฏ พระรุ่นนั้น เมื่อสึกแล้วยังมีชีวิตอยู่ครบทุกคน แถมบางรายกลับไปแต่งงานมีลูกได้เป็นปกติอย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนตัวหลวงพ่อนิพนธ์เอง ก็ย้ายจากบ้านที่ตำบลท่าเรือ มาเริ่มสร้างศาลาขนมไทย เพื่อขยายการรักษาให้เพิ่มมากขึ้น โดยอาศัยการขายขนมไทย และขนมในเทศกาลต่างๆ เป็นหลัก ในการนำมาจัดซื้อสมุนไพรให้ผู้ป่วย และต่อมาอีกไม่นาน พระก็ย้ายกลับไปยังศรีสวัสดิ์อีกครั้ง เพื่อเตรียมสร้างสถานที่ไว้รองรับผู้ป่วยในอนาคต โดยมีเหตุผลหลักคือ เพื่อให้ผู้ป่วยเอดส์มีสถานที่ที่เหมาะแก่การฟื้นฟูสุขภาพ ในช่วงนี้หลวงพ่อนิพนธ์ ได้รับผู้ป่วยเอดส์กลุ่มหนึ่ง ทดลองให้ไปอยู่ ณ.สถานที่นี้ ซึ่งดูแล้วจะโหดร้ายเพราะเป็นเขา และห่างไกลผู้คน แต่ผู้ป่วยเหล่านั้นกลับมีอาการดีวันดีคืน และได้แยกย้ายกลับบ้านบ้าง จะยังคงมีเหลือมาช่วยงานของชมรมจนปัจจุบันอยู่บ้างไม่กี่คน ซึ่งถ้าไม่บอก คงไม่มีใครรู้เลยว่าเขาเหล่านั้นได้เคยประสพอะไรมาบ้าง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น