หลวงพ่อนิพนธ์ชี้นิสัยของคนทั่วไป ที่เวียนว่ายเข้ามาในศาสนาของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา นับตั้งแต่ยุคถ้ำกระบอก อุปมาให้ฟังเสมือนต้นไม้ใหญ่ บ้างก็ทำตน เป็นเปลือก บ้างก็ทำตนเป็นกระพี้ บ้างก็ทำตนเป็นแก่น
หากแต่แก่นของไม้ศาสนานั้นเล็กยิ่งนัก ในวันนี้ เพราะนิสัยคนทั่วไป มักเอาแต่สุขเฉพาะหน้า นั่นคือ จบที่หายโรค หรือบางคนก็เอาแค่ดีในระดับที่ตนพอใจ ก็หน่ายหนี ไม่อยากมาอีก ทำตนประดุจสถานที่นี้เป็นนรกอเวจี หนีได้ต้องรีบหนีให้ไกลซะอย่างนั้น
ก็แล้วคนที่จะเป็นแก่นของศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า คนผู้นั้น ย่อมมีความรู้สึกเบื่อหน่าย เฉกเช่นเจ้าชายเบื่อหน่าย แล้วเปลี่ยนตนเป็นพระโคดม นั่นเอง เขาจึงตั้งคำถามกับตนว่า ทำไมจึงหยุดแค่หายโรคในวันนี้ ที่ซึ่งไม่ได้เป็นเครื่องยืนยันใดๆ เลยว่า ตนจะไม่เป็นโรคอีกในวันหน้า ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งได้รู้ว่า "มนุษย์ตายแล้วต้องเกิด" ตราบใดที่ยังไม่หมดสิ้นกิเลส ยิ่งต้องวิตกกังวลอีกว่า แล้วชาติหน้า ชาติไหนของตน จะเป็นโรคอีกหรือไม่ ที่สำคัญคือ เมื่อเป็นแล้วในยุคนั้นไม่มีศาสนา แล้วจะช่วยตนให้หายโรคโดยวิธีใด
คนที่อยากเป็นแก่น จึงมักเริ่มด้วยความไม่พอใจที่จะมีสุขเฉพาะหน้า ไม่อยากที่จะเป็นโรคอีก ทั้งในวันหน้า ชาติหน้า ชาติไหนๆ คำถามก็จึงเกิด "ทำได้ไหม"
นี่แล หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ทำไมต้องมีศาสนา เพราะผู้ใดถึงไม่เบื่อ เกิด แก่ ตาย แต่ก็ต้องเบื่อที่จะเจ็บ จึงมาหาศาสนา เรียนรู้ว่า ทำอย่างไร จึงจะไม่เจ็บ ทำอย่างไรจึงมีสุขไปตลอดกาล ทั้งวันหน้า รวมไปชาติหน้า ชาติไหนๆ
ด้วยศาสนาชี้ให้เห็นว่า "ตัวกระทำไม่ตาย ทำอย่างไรได้อย่างนั้น" หลวงพ่อนิพนธ์ แปลความให้ฟังว่า การเป็นโรค แลตายด้วยโรค ที่หลายคนบ่นว่า ตายๆไปจะได้จบ มันหาได้จบไม่ นั่นจะกลายเป็นพรหมลิขิตติดตน ไปในภายภาคหน้า เกิดเป็นคนเมื่อใด ก็จะมีพรหมลิขิต โรค หรือที่เรียก กรรมพันธ์นี้ ติดเป็นเงาตามตัวไปด้วย จึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า ทำไมคนเราเกิดมา ก็มีโรคติดมาด้วย นั่นคือ สิ่งที่เราท่านทำมาในอดีตนั่นเอง
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงสร้างวัด สร้างจริยวัฒน์ของพระครั้งอดีตพุทธกาล ทิ้งคำสอนของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ให้เราท่านไปศึกษา แม้นจะยังต้องเกิด แต่ก็เกิดแบบคนที่มีลาภอันประเสริฐ ติดตน ติดวิญญาณ คือ เกิดมาไม่มีโรค ดำรงตนโดยไม่มีโรค ไม่ตายด้วยโรค ทุกภพ ทุกชาติ
หายโรค มันจึงเป็นเรื่องกระจอก ทำได้ แต่นั่นมันสุขเฉพาะหน้าในวันนี้เท่านั้นเอง แต่การสร้างพรหมลิขิต ไม่มีโรค นี่สิ สำคัญกว่า เพราะหมายถึงสุข ในวันหน้า และชาติหน้า
ศาสนา จึงมีเพื่อเปลี่ยนพรหมลิขิต มาเรียนรู้ แล้วอยากได้สิ่งไหน เขียนเอาเอง หากจะมาแค่หายโรค ไม่จำเป็นมั๊ง ที่จะต้องมาหาศาสนาให้ลำบากใจ ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า มนุษย์มี พรหมลิขิตของตน เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองตนอยู่แล้ว ไม่ถึงที่ตาย ยังไงก็ไม่ตาย นอกเสียจากแกว่งตีนหาเสี้ยน ดันไปทำลายพรหมลิขิตแห่งตนเสียเอง ด้วยการทำผิดธรรมชาติ อาทิ ทานยาเคมี จนเกิดขนาด เกินควร
มาเอาแค่สุขเฉพาะหน้า แผ่นดินสวรรค์ของศาสนา ที่ให้สุข มันจึงกลายเป็นนรก ที่รีบมา รีบไป มันร้อน อยู่นานไม่ได้ ทั้งๆที่เป็นแผ่นดินที่ให้สุข ทำให้ กินได้ นอนหลับ ... นิสัยนี้น่ากลัวกว่าโรคเป็นไหนๆ เพราะจะทำให้ไกลศาสนา ยากที่จะเวียนเข้ามาใกล้อีก ยามใดที่ทุกเวทนาสาหัส ย่อมขาดที่พึ่ง เพราะสิ่งที่ตนชอบ สิ่งที่ตนเชื่อ มีแต่ลม ไม่มีตัวไม่มีตน ช่วยตนไม่ได้ จะร้องสักฉันใด ก็หามีสิ่งใดช่วยได้