ความรู้สึกอย่างหนึ่งที่มักเกิดในหมู่ของคนที่ได้เวียนว่ายมาในศาสนาของแม่ชีเมี้ยน นั่นคือ อยากช่วย
นั่นคือ การที่อยากจะแนะนำใคร หรือบอกใคร ให้มาทำช่วยตน ด้วยเล็งเห็นผลว่า จะช่วยคนผู้นั้นได้ อันเห็นผลจากตน หรือ ประจักษ์ผลแก่ตน ว่ามีผู้ทำได้ นั่นเอง
เราก็เช่นกัน เมื่อเห็นหลวงพ่อนิพนธ์ช่วยผู้ป่วยเอดส์ บางรายจำได้ติดตา อาทิเช่น ลูกเรือชายคนหนึ่ง อายุก็แค่ประมาณสามสิบ ติดเชื้อมาจากการเสพยาร่วมกับเพื่อนลูกเรือ แม่เช่ารถกระบะ ใส่ลูกนอนเปลมาด้านหลัง ตอนนั้น ยังมีศาลาขนมไทย ด้านหน้า ที่ปัจจุบันรื้อไปแล้ว และจะปรับปรุงให้เป็นที่นั่งรอของคนป่วย แต่การรถไฟบอกว่า ไม่ได้ และสั่งฟ้อง ในขณะที่ถัดไปอีกนิด สร้างเพื่อการค้า สร้างได้ซะงั้น หลวงพ่อนิพนธ์สั่งให้เผายามะพร้าว ก็นั่งเผาด้านหน้าศาลา แม่คนป่วยมาถึง คนขับจอดรถ หิ้วเปลมาวางข้างๆ บอกฝากไว้ก่อน แล้วก็เข้าไปหาหลวงพ่อนิพนธ์ บอกกับท่านว่า "อิฉันยกให้ท่าน" แล้วก็เปิดแนบหายไป แบบไม่เคยมาหาลูกอีกเลย
จากซากศพในเปล ไม่มีใครอยากได้ หลวงพ่อนิพนธ์ทำให้เห็นว่า ศาสตร์สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน แลพระธรรมคำสอน สามารถเปลี่ยนพรหมลิขิตคนได้ ชายผู้นั้นก็ดีวันดีคืน แข็งแรง กลายมาเป็นคนกวนกระยาสารทให้หลวงพ่อนิพนธ์ แลทำหน้าที่ในการติดเตาห้องอบให้คนป่วย
แลเห็นอย่างนี้ ความอยากช่วยคนก็บังเกิด แต่คิดเอาว่า ชายผู้นี้ไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ไม่มีประวัติ มีแต่คนใกล้ชิดเห็น ไม่สามารถชักจูงให้คนเชื่อได้ พอดีจังหวะนั้น มีผู้หญิงคนหนึ่งชื่อแก้ว กำลังเป็นข่าว เราก็ไปอ่านประวัติ เห็นชอบแบบธรรมะด้วย คิดเอาเองว่า ถ้าหลวงพ่อนิพนธ์ช่วยคนนี้ได้ ผู้หญิงคนนี้ ก็สามารถจะเป็นพระมาลัยโปรดสัตว์ เป็นตัวอย่างให้คนที่เป็นแบบเดียวกัน เดินตามช่วยตนได้ จึงได้เข้าเวปของเขา เพื่อเชิญชวน
คำตอบที่ได้จากคุณแก้ว บอกกับเราว่า เขาผ่านคนแบบเรามามาก ล้วนแล้วแต่เอาตัวเขาเพื่อประโยชน์ตน แลที่สำคัญ เวลานั้น เขาไม่มีความเชื่อถือสมุนไพรอีกแล้ว เขาเชื่อในยาเคมี และหมอ จึงปฏิเสธ
เราถามหลวงพ่อนิพนธ์ ว่า การไปชวนเขานั้นถูกหรือไม่ ท่านตอบว่า "หมูเขาจะหาม อย่าเอาคานไปสอด" คนทั้งหลายล้วนมีกรรมเป็นของตน ศาสนาเป็นส่วนเกิน ที่ไม่มีความจำเป็นแก่คนทั่วไป ถึงแม้นจะดีสักฉันใด ช่วยได้ หากแต่ต้องเกิดจากความยินยอมพร้อมใจ เป็นสำคัญ นั่นหมายความว่า ศาสนาจะมีค่า ก็แต่เฉพาะคนที่อยากได้ เท่านั้นเอง
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ว่า ศาสนาเน้นเรื่องการทำนิสัย ของพระภูมี เป็นสำคัญ ที่ซึ่งไม่มีใครรู้นอกจากตนของตนเท่านั้นเอง ดังนั้น การเชิญชวน บังคับ ขู่เข็ญ เพื่อให้มา นั้นจึงไม่สมควร แม้นแต่พระภูมี ยังไม่ทำเลย ไม่เอาธรรมไปหว่านให้คนทั้งหลาย แม้นจะเมตตาสักฉันใด เพราะไม่มีประโยชน์ หากแต่ผู้ใดมาถาม อยากได้ ก็จะโปรดให้ นำไปทำช่วยตน
นี่แล นับแต่ยุคถ้ำกระบอก ซึ่งเริ่มจากยาเสพติด ก็จึงต้องเริ่มที่ความสมัครใจของผู้เสพเป็นสำคัญ จะบังคับมา แม้นจะบำบัดให้หายได้ แต่ท้ายที่สุดก็กลับไปเสพอีก
ฉันใดก็ฉันนั้น ผู้ที่ถูกบังคับมาให้ฟื้นฟู หรือ มีความจำเป็น ก็มักจะฟื้นฟูได้เฉพาะกาย ไม่มีการพัฒนานิสัยตน ท้ายที่สุด การช่วยก็เสียเปล่า เพราะหายโรคนี้ ก็เป็นโรคอื่นได้ หรือ พบอุบัติภัย นั่นก็หมายถึงช่วยตนไม่ได้เช่นกัน
มาวันนี้ ไม่มีหลวงพ่อนิพนธ์แล้ว เราก็ได้แต่นั่งมอง ใครหนอ อยากจะโปรดสัตว์ อยากจะช่วยคน มาทำตนเป็นพระมาลัยโปรดสัตว์ ทำแบบอย่างให้คนดู ว่า ศาสตร์สมุนไพรของแม่ชีเมี้ยน และธรรมคำสอน ผู้ใดฟัง พิจารณา ทำ ช่วยตนได้ .... รอแล้ว รอเล่า มีแต่คนมาเอาประโยชน์ตน กูหาย กูก็ไปแล้ว กูไม่สน หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า คนเหล่านี้ ทำตนเสมือน มาซ่อมเรือตน พอเรือดี ออกจากท่าได้ ถีบท่าทิ้งเลย
เสียดายคนอย่างคุณแก้ว แต่ก็คงไม่ชวนใครอีกแล้ว หากแต่ลึกๆ ก็คิดว่า เมืองไทยต้องมีคนที่มีกตัญญูบ้างแหละ ที่อาสามาทำตน เป็นแบบอย่าง เก็บทุกรายละเอียดของตน มาเขียน มาทำ มาเล่า ให้คนรุ่นหลัง เอาเป็นแบบอย่าง ว่า "ความไม่มีโรค" ทำได้โดยวิธีใด อันเป็นบทพิสูจน์ คำสอนที่ว่า "ใจสูง พากายสูง"
แต่ก็คงรออีกนาน ท่านอาสิจะชี้สักฉันใด คนทั้งหลายทั้งปวง ก็บอกว่า ไม่มีวันเวลา ไม่สะดวก ไม่... เราจึงไม่แปลกใจเลย ที่หลวงพ่อนิพนธ์มักชี้ว่า ทำไมคนที่มาทำตน โดยเฉพาะการบวช ถือหลักสัจจธรรมของแม่ชีเมี้ยน รอดทุกตัวคน ก็เพราะมันหนึ่งในล้าน ที่จะพาตนแหวกว่ายทวนกระแส นิสัย ความอยาก ความเห็นของตน มาได้ มันลำบาก เขาไม่ชอบ คนทั้งหลายเขาจะเอาแบบ หายแบบสบายๆ แลก็เอาแต่ตน ไม่สนผู้ใด
ไม่รู้เราจะมีวาสนาเห็นดังคำที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวไว้หรือไม่ "ถ้ามีคนเชื่อพันคน ทำได้พันคน ก็รอดทั้งพันคน" แต่พอลืมตา ไม่มีใครสักคนเอาธรรมของท่านเลย เขาจะเอาแต่สมุนไพร ไม่มีใครอยากเป็นพระมาลัยเลย ก็เลยงง........ ไหนมนุษย์บอกอยากเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ อยากช่วยตน อยากมีสุข
จะสุขแบบไหน จะไปกันอย่างไร ถ้าไม่เอาธรรมของพระโคดมเลย
ประวัติศาสตร์ของคนตาย มีให้อ่านกันมากมาย แต่ประวัติศาสตร์ของคนรอด อยากรู้ว่าใครจะเป็นคนเขียน เป็นวิทยาทานให้คนรุ่นหลังได้อ่าน และได้คิด เพื่อรู้ว่า โลกใบนี้ยังมีหนทางที่ทำให้รอด มิเพียงหายโรค แต่เปลี่ยนลิขิต เปลี่ยนตนเป็นคนดีได้ด้วย