หลายคนทุ่มเทเรียนมากมายหลายปี ในการศึกษาหาความรู้ ครั้นจบมากลับไม่สามารถนำความรู้ที่ได้มานั้น ไปต่อยอดเพื่อประโยชน์แห่งตน นั่นหมายความว่า การเรียนและเวลาที่เสียไปนั้น เปล่าประโยชน์ หรือ ให้ประโยชน์ไม่คุ้มค่าในสิ่งที่ได้ลงทุนลงแรงไป
เวลาในศาสนาก็เฉกเช่นเดียวกัน หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า หลักของพุทธศาสนา ไม่ได้สอนให้เชื่อ หากแต่สอนให้ "พิจารณา" ค้นคว้าหาเหตุและผล ความจริง แล้วทำ พูดฟังง่ายก็คือ ทำไป พิจารณาไป ทำไปโดยรู้บ้างไม่รู้บ้าง แล้วดูผล ลองผิด ลองถูก จนได้หนทางของตน ที่พิสูจน์โดยตน นั่นคือ ทำแล้วช่วยตนได้ เกิดผลดีแก่ตน ที่ซึ่ง หนทางนั้นย่อมเป็นสิ่งที่ถูก ด้วยตนทำ และพิสูจน์ แล้วยังผลในการกระทำนั้นๆแล้ว
หากแต่น่าเสียดายที่คนทั้งหลาย มีน้อยคนที่จะพิจารณา ในหนทางที่หลวงพ่อนิพนธ์สอนให้ทำ แลยิ่งน้อยกว่าน้อย ที่จะพิจารณา แล้วทำ หากแต่น้อยกว่าน้อยยิ่งกว่า ที่จะนำหนทางที่ตนค้นพบ ไปต่อยอดขยายในชีวิตประจำวัน ที่จะยังผลอันมหาศาล ด้วยเป็นหนทางที่ถูกต้องตนพิสูจน์มาแล้วนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า ศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ชี้ให้เห็นว่า บันไดขั้นแรกในการเป็นคนดี คือ กตัญญู แลให้หนทางที่เราท่านได้ฝึกฝน นั่นคือ ความสงบ ลดกิริยา แลสร้างสุขให้ผู้อื่นเป็นอุปนิสัย ผลแห่งการกระทำที่ปรากฎ ย้อนกลับมายังตน ก็จักเห็นผลจากการฟื้นฟูตน นั่นเอง
แลยังชี้ให้พิจารณาอีกว่า แล้วเมื่อทำตามที่ท่านชี้ ผลยังเกิด ทำไมไม่นำสิ่งนี้ย้อนไปกระทำแก่ผู้มีคุณของตนเล่า นั่นคือ พ่อแม่ ผู้ให้กำเนิดตน เลยไปถึง ผู้มีอุปการะ อุปถัมภ์ตนมาจนทุกวันนี้ ผลที่จะบังเกิด ย่อมเป็นผลที่ดีแน่นอน เหมือนที่ได้กายดี ไม่มีโรค เมื่อกตัญญูกับศาสนา ครูบาอาจารย์ นั่นเอง
บทสรุป สิ่งที่ศาสนาสอน แล้วให้ทำ มิควรจบในวัด เราท่านมาวัดเพื่อเรียนรู้ ฝึกปฏิบัติ แค่ชั่วเวลาหนึ่ง แล้วนำสิ่งที่ตนทำได้ ไปใช้ในชีวิตจริง แค่ทำตนตามคำสอน ยังหายโรคที่คนทั้งโลกไม่หาย หากนำไปใช้ในบ้าน ลูกย่อมเห็นการกระทำของตน แลเลียนแบบพฤติกรรมของตน ไปใช้ในยามที่ลูกเติบใหญ่ แลเราท่านก็แก่ชราเฉกเช่นพ่อแม่ในวันนี้
ผู้ใดฝึกนิสัยในวัด แล้วไปทำในชีวิตประจำวันได้ เป็นอุปนิสัย กตัญญูนี้ มีต่อศาสนา ได้หายโรค มีต่อพ่อแม่ โบราณว่า ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้ มีต่อ ผู้อุปการะ ผู้มีคุณ ย่อมเป็นที่รักของคนทั่วไป มีคนเมตตา อุปถัมภ์ ... การกระทำของศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ให้เห็นว่า ยิงนกทีเดียว ได้นกหลายตัว
จะผิดก็ตรงที่ คนบอกอยากมีสุข อยากเจริญ อยากค้าขายดี มีคนรัก .... แต่มาวัด หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า ดันไปให้ค่า ผักที่ถูกกว่า ได้เดินตลาด ไม่ยอมฝึกนิสัยของพระภูมี ไม่ยอมทำ ... ไม่เอาธรรมของพระภูมีเลย เก็บมือ เก็บเท้า นอนรอ นอนขอ แล้วจะไปให้ถึงสุข ถึงปรารถนาที่ตนอยากได้ โดยวิธีใด
สถานที่นี้ ดูไม่ใช่วัด แต่คำสอนของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า ผู้ใด ฟัง พิจารณา แล้วทำ ศักดิ์สิทธิ์ มีค่ายิ่งกว่าสิ่งใดในโลกนี้อีก เพราะทำได้ ช่วยตน สมปรารถนาได้ทุกสิ่ง
กลัวแต่ปรารถนา แต่ไม่ทำ นั่งขอ ... ขอให้ตาย ก็ไร้ผล แม่ชีเมี้ยนบอก พระภูมีอย่าว่าแต่ไม่ช่วยเลย แค่ผินหน้ามามอง ยังไม่แม้นแต่สักนิด เพราะศาสนาของท่าน เอาแต่ "คนทำได้"