ต้นสัปดาห์ ได้มีโอกาสไปงานศพ อาวุโสหญิงท่านหนึ่ง ซึ่งติดตามสามี มาทำกิจกรรมกับหลวงพ่อนิพนธ์ ถึงวันนี้ ก็ประมาณสามสิบปีแล้ว
บทสุดท้ายของชีวิตท่าน ก็เป็นเครื่องพิสูจน์ ว่าผลแห่งการกระทำเป็นเช่นไร การกระทำที่มาทำในศาสนาตามคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ ไม่ว่าจะเป็นการมาช่วยทำขนม การมาช่วยเก็บใบยาทุกสัปดาห์ ส่งผลให้ท่านไม่ต้องไปโรงพยาบาล เลยสักครั้ง จวบจนสิ้นอายุขัย
แลวันสุดท้ายของท่าน ก็กลับจากการทำธุระในตอนเช้า กลับเข้าบ้านตอนบ่าย แล้วรู้สึกมีอาการเหมือนจะเป็นลม แล้วก็จากไปอย่างสงบ แถมก่อนจะเสีย ยังทำในสิ่งที่ตนชอบ คือ บอกคนอื่นให้ไปแทงหวยเสียอีก
วันเผาศพของท่าน ได้เห็นจิตอาสาในมูลนิธิไปร่วมงานท่านมากมาย หลายคนกล่าวอย่างอิจฉา และภาวนาว่า หากตนจะตาย ก็ขอตายแบบอาวุโสท่านนี้บ้าง
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ผู้ใดพานพบศาสนา ฟัง พิจารณา เชื่อ แล้วทำตาม คนผู้นั้น ก็จักสามารถเลือกพรหมลิขิตแห่งตนได้ คือ เลือกตาย เลือกเกิดได้ นี่แหละคือข้อยืนยันว่า การตายดี นั้น เราท่านกำหนดได้ ตายแบบวันสุดท้าย ก็ยังดำรงชีวิตเหมือนปกติ ไม่ต้องหยอดข้าว โยงสายน้ำเกลือ ช่วยตัวเองไม่ได้ แล้วก็ตายโดยไม่ต้องเบียดเบียนผู้อื่น ให้ต้องกู้หนี้ยืมสิน มาจ่ายค่ายาตน ต้องมาเฝ้าดูแล เช็ดขี้ เช็ดเยี่ยว หลวงพ่อนิพนธ์จึงว่า เรื่องของศาสนา "วัดกันตอนตาย" นี่แล
การมาหาศาสนา เพียงเพื่อหายโรค จึงนับว่าน่าเสียดายนัก เพราะนั่นคือคุณค่าที่ด้อยที่สุด ที่ศาสนาพึงให้ แต่การมาหาศาสนา เพื่อพัฒนาวิญญาณตนให้สูง สร้างพรหมลิขิต นิสัยที่ดีของพระพุทธเจ้า ติดตัวไปทุกภพทุกชาติ เกิด ตาย เมื่อไหร่ ก็เกิดี ตายดี ทุกภพไป
การมาทำตนในศาสนา แม้นจะทุกข์ในวันนี้ แต่ผลที่ได้ คือ สุขในวันหน้า นั้น มากมายมหาศาล คุ้มเกินคุ้ม มีเงินก็หาซื้อไม่ได้ อยากได้ต้องทำเอง ตัวอย่างก็มีให้เห็นแล้ว ว่าเป็นของจริง ผู้ใดทำได้ ผู้นั้นเหนือมนุษย์ ไม่ใช่นอนเจ็บ ร้องโอยๆ จนตาย เหมือนคนทั้งโลก แม้นแต่เศรษฐี ก็ไม่เว้น แต่ไม่ใช่กับคนที่เชื่อศาสนา แล้วทำตาม
อาวุโสหญิงท่านนี้ บ้าทำตามพระพุทธเจ้า เสียสละเก็บใบยา มาสามสิบปี นี่แหละคือผลที่ได้รับ .... เป็นผลที่หลายคนอิจฉา อยากได้มั่ง ... ก็เขาทำรอยไว้แล้ว .. อยากได้ ก็เดินตามสิ ... ทำเหมือนเขา แล้วท่านก็จะกลายเป็น คนเหนือมนุษย์ ไม่ตายแบบมนุษย์ทั่วไป เหมือนเขาได้เช่นกัน อย่าหยุดแค่อยาก ... แต่ไม่ทำ เพราะเรื่องของศาสนา อยากได้ ต้องทำเอง