ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560
สอนให้เป็นปราชญ์
ศาสตร์ของพระภูมี แม้นจะดีเลิศสักปานไหน แต่คนที่มาเดินตามนั้นก็คงมีไม่มาก นั่นคือรูปลักษณ์ที่เห็นในทุกยุคทุกสมัยของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ กระนั้นก็ตาม คนมากมายแม้นไม่ทำตาม หรือไม่อยากทำ ต่างก็ให้การยอมรับ ในศาสตร์อันนี้อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
อะไรเล่าที่ทำให้คนทั้งโลก แม้นไม่นับถือ แต่ก็ยอมรับ ก็ด้วยศาสตร์อันนี้ สอนเหตุสอนผล มิได้สอนให้เชื่อ โดยไม่ไตร่ตรองนั่นเอง ผู้ใดมาใช้ศาสตร์อันนี้ ฟัง พิจารณา ย่อมเห็นเหตุและผล ในไม่ช้า ตนของตน เมื่อทำได้ ย่อมกลายเป็นปราชญ์ อย่างไม่ต้องสงสัย
ความจริงอันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ความเชื่อในหลักของพระพุทธศาสนา มิได้เกิดเหมือนกับความเชื่อในลัทธิ ศาสนาอื่นใด ที่บอกสอนกันสืบมา แล้วให้ทำตาม หากแต่ความเชื่อในพระพุทธศาสนาที่แท้จริง ล้วนแล้วแต่ให้พิจารณาถึงผลแห่งเหตุนั้นๆ เป็นสำคัญก่อน เมื่อผลถูกเกิด จึงสรุปได้ว่า เหตุที่มาแห่งผลนั้นถูก ซึ่งย้อนกระบวนการกับลัทธิ ความเชื่อของศาสตร์อื่นๆอย่างสิ้นเชิง
ทั้งนี้ก็เพราะ ศาสตร์ของพระภูมี เป็นศาสตร์นอกโลก ที่มนุษย์ไม่คุ้นเคย สิ่งที่ได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น ตั้งแต่เกิด ล้วนแล้วแต่ถูกดัดแปลง แต่งเติม แก้ไข จนสืบสาวเค้าโครงเดิมไม่ได้ เมื่อกระทำตาม ผลมันจึงไม่เกิด
หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้ดู อาทิเช่น การจะได้มาซึ่งบุญ คนทั้งหลายยังไม่รู้เลยว่า บุญกับกรรมดี มันต่างกันอย่างไร หากแต่บุญเป็นสิ่งที่เล่าขานกันมา และได้รับการยอมรับ ดังนั้น ธุรกิจขายบุญจึงเฟื่องฟู จะทำสิ่งใดก็อ้างเป็นบุญ บางคนทำมาตั้งแต่อ้อนแต่ออก หัวเท่ากำปั้น ไม่ว่าจะฆราวาส หรือ สงฆ์ที่บวชตั้งแต่เป็นสามเณร จนแก่เฒ่า แต่การกระทำนั้น ที่เขียนในตำรา ช่วยอะไรตนไม่ได้เลย แม้นแต่แค่ทุกข์เพียงเล็กน้อย คือ ปวดท้อง
ทั้งๆที่บุญของพระพุทธเจ้า พาไปได้แม้นกระทั่งนิพพาน แต่ผู้ปฏิบัติมากหลาย ไม่ว่าพระหรือฆราวาส กลับต้องไปจบที่โรงพยาบาล แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า สาวกของพระพุทธเจ้า หรือสงฆ์ของพระพุทธเจ้าไม่มีทางเป็นเช่นนั้นดอก
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่าการกระทำ จึงต้องดูผลเป็นสำคัญ ว่าสร้างทุกข์หรือสุขแก่ผู้ใด เพราะพระพุทธเจ้าตรัสชี้ว่า "ให้ทุกข์แก่ท่าน ทุกข์นั้นถึงตัว ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นก็ถึงตัว" ดังนั้น คำถามที่ว่า ทำแล้วได้ อะไรเป็นตัวบอกว่า ผลที่ได้จะได้อะไร ก็ตัวสุขทุกข์ ที่มาจากเหตุอันนั้นนั่นเอง อาทิ สร้างโบสถ์ ก็ต้องดูว่า โบสถ์นั้น ให้สุขแก่ผู้ใด หรือ สรรพสัตว์ หรือไม่ หากโบสถ์ร้อยล้านพันล้านนั้น แม้นแต่จิ้งจกก็ยังอยู่ไม่ได้ คนก็อาศัยไม่ได้ คนที่ร่วมทำ จะรอผลอันใดได้เล่า หรือหากแม้นมี ก็น้อยนิด ด้วยประโยชน์ที่ให้สุขแก่ผู้อื่นนั้น ไม่มากพอ
พระภูมี ชี้ว่า สิ่งที่มีค่าที่สุดและควรสร้างมากที่สุด นั่นคือ ชีวิตมนุษย์ การสร้างโบสถ์ อุปมา ปลากระพงมาแลกกุ้งฝอย แต่การสร้างชีวิตมนุษย์ เสมือน เอากุ้งฝอยมาแลกปลากระพง บริจาคเงินร้อยล้านสร้างโบสถ์ แก้ปวดท้องไม่ได้ แต่เอาสมุนไพรมา ทำให้ป่วยคนทุกข์ทาน อย่าว่าแต่ปวดท้องเลย โรคยังอาจหายได้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ทำไมพระถ้ำกระบอก จึงปลูกต้นไม้ เพราะการสละแรงกายทำ นั้นมีระยะเวลาจำกัด หยุดทำ ผลที่ได้ก็หยุดตาม หากแต่ต้นไม้ เราดูแลจนเติบใหญ่ แม้นตัวเราจะไม่มา ต้นไม้นั้นก็ยังผลให้ผู้อื่นได้ตลอดอายุขัย ผลอันนั้นก็ส่งให้เราตลอด และที่สำคัญ สามารถเลือกตามความจำเป็นเร่งด่วนของเรา ว่าจะเอาผลเร็วผลช้า ถ้าวันนี้ทุกข์มาประชิดตัวก็ปลูกไม้ที่ให้ผลเร็ว ปลูกตะไคร้ ให้คนเข้ากระโจม ไม่กี่วันก็เอาผลได้ หากมีวันเวลา ก็ปลูก พริก ไพล มะกรูด มะนาว หากจะให้ผลอันนี้ อยู่นานๆ ก็ปลุกไม้ยืนต้น ผลที่ให้ก็ยืนยาว แก่สรรพสัตว์ ผลที่ส่งให้เราท่านก็ยืนยาวนานเช่นกัน ..
นี่แล จึงไม่ต้องสงสัย จากปี ๒๕๐๑ ถ้ำกระบอกคือที่โล่งเตียน เต็มไปด้วยหิน กลายเป็นผืนดินที่มีต้นไม้เต็มไปหมด
คนเมื่อเรียนวิชาของพระภูมีแล้วเป็นปราชญ์ จึงมิหยุดแค่การสละแรงกาย ทำงานให้ศาสนาเท่านั้น เพราะผลอันนั้นมันจำกัด แต่คนเหล่านั้น จะปลูกต้นไม้ และดูแลอย่างดี เพื่อให้ผลแก่ตน ทั้งระยะสั้น ระยะยาว ควบคู่ไปด้วย
หลวงพ่อนิพนธ์ก็ชี้ว่า การปลูกสมุนไพร แล้วให้คนทาน อาจจะฟลุ๊คที่คนทุกข์ ได้ทานสมุนไพรที่เราท่านปลูก แล้วเกิดศรัทธา บวชปฏิบัติเป็นพระดี ผลที่ได้ก็มหาศาล เสมือน นางสุชาดาใส่บาตรพระโคดม นี่แลทำไมยุคถ้ำกระบอก พระทั้งหลาย จึงมานะ ปลูกสมุนไพรกันมากมาย ภาษาธุรกิจในวันนี้ ก็คือ ทำตนเสมือนรอกินค่านายหน้า นั่นเอง
คงต้องมีบ้างแหละ คนที่มาทานสมุนไพร และหากสมุนไพรนั้นมีส่วนในน้ำเหงื่อน้ำแรงนั้น ของเราท่าน จากคนพันคน กลายเป็นคนดี ตามคำสอน สักห้าคนสิบคน ผลที่ได้ก็มหาศาลแล้ว
ปราชญ์ จึงไม่ยอมเสียผล แทนที่จะเอาเงินซื้อสมุนไพร ไม่รู้ว่ามียาเคมีมากน้อย ทานแล้ว คุณหรือโทษ มากกว่ากัน ปราชญ์จึงเลือกที่จะลงทุน ลงแรง ปลูกเอง ดูแลเอง เก็บเอง ... แล้วมาทำให้คนทุกข์ทาน เพื่อผลอันสมบูรณ์ ที่จะย้อนมายังตน ทำให้อย่างแท้จริง ตามครรลอง อย่างสมบูรณ์
การทำนิสัยของพระพุทธเจ้า จึงเริ่มที่นิสัยกายก่อน เพราะทำได้ง่าย ผลก็เกิดรวดเร็ว แล้วค่อยๆฝึก วาจา ใจ ต่อไป
ด้วยผลที่เกิดเป็นที่ประจักษ์ เมื่อทำตามนี้เอง คนทั้งหลายจึงยอมรับในเหตุ คือ วินัยของพระพุทธเจ้า ว่าดีจริง เพียงแต่ทำได้ยาก คนทั้งหลายจึงไม่อยากทำ ด้วยติดนิสัย ขอ นั่นเอง ที่ซึ่งวินัยขอ แม้นผลจะไม่เกิด แต่ก็ให้ผลทางใจ หลอกตนได้ สร้างความหวังได้
ท้ายที่สุด จึงไม่สงสัย ทำไมคนที่มาทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่างแท้จริง จึงมีน้อย และกลายเป็นคนเหนือมนุษย์ เพราะอยากได้ต้องทำเอง คนที่ทำได้ จึงได้สิทธิ์เหนือมนุษย์ทั่วไป คือ ความไม่มีโรคเป็นรางวัลแถมให้
ท้ายสุด จะทำอะไร หลวงพ่อนิพนธ์จึงเตือนว่า ให้ดูผล อย่าคิดแต่ว่าตนทำแล้ว ย่อมต้องได้ผลที่ตนทำ เสมือน หว่านข้าว ก็หวังจะได้ข้าว โดยไม่ดูเลยว่า ข้าวที่หว่านไปตกที่ใด บนปูน หรือ ถูกนกกินหมด ข้าวที่รอ ก็คงได้แต่รอ ไม่มีทางเป็นรวงขึ้นมาได้
นี่จึงเป็นเหตุผล ว่าทำไม พระพุทธเจ้าทุกยุคจึงสร้างโรงทาน ก็เพื่อให้คนทุกข์มารวมกัน ผู้ที่ปรารถนาสุข จะได้สร้างสุขให้แก่คนทุกข์เหล่านั้นอันมหาศาล ในระยะเวลาสั้น เพื่อผลที่มากพอย้อนกลับมาช่วยตน คนทั่วไปมามูลนิธิ ก็แค่สถานที่หนึ่งไม่ได้วิเศษ หรือจะเรียกว่า กระจอกก็ได้ ไม่สวยงามเหมือนวัด เหมือนที่อื่น แต่ปราชญ์มามูลนิธิ สิ่งที่เขาเห็นคือ ขุมทอง เพราะเมื่อเป็นที่รวมของคนทุกข์ นั่นย่อมเป็นบ่อของ บุญทาน ที่ตักไม่รู้จักหมดจักสิ้น ใช้ช่วยตนได้
คนทั่วไป มาที่นี่จึงงอมืองอตีน ทำตนเป็นชูชก แต่ปราชญ์ย่อมต้องใช้ทุกเวลานาทีในสถานที่นี้ ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้อื่นมากที่สุด เพราะนั่นคือสุขที่จะย้อนมาหาตน อันหาจากที่ใดไม่ได้ และรู้สึกถึงคุณแม่ชีเมี้ยน คุณพระพุทธ และครูบาอาจารย์ ที่ทำให้มีแผ่นดินนี้ ทำให้ตนมีที่ที่ทำแล้วช่วยตนของตนได้
ก็ลองพิจารณาดูเล่นๆ เป็นพ่อแม่เลี้ยงดูบุตรอย่างดีเลิศ ผลอันนั้น แก้ปวดท้องก็ไม่ได้ ช่วยญาติมิตร ผู้อื่นมาตลอดชีวิต ผลอันนั้น ก็แก้ปวดท้องไม่ได้ แต่หิ้วสมุนไพร มาให้คนทุกข์ที่ไม่รู้จัก .... การกระทำแม้นดูเล็กน้อย แต่หยุดปวดท้องได้ แล้วจะบอกว่าสถานที่นี้ธรรมดาได้อย่างไร
ให้ชีวิตมนุษย์ ดีกว่าสร้างเจดี ๗ ชั้น และถ้าสร้างมนุษย์ให้เป็นคนดี มีนิสัยศาสนาด้วยแล้ว ... ผลนั้นจะแค่ไหน ... การมา จึงมิใช่มาเพื่อหายโรค แต่มาเพื่อมีส่วนร่วมในการสร้างนี้ ส่วนหายโรคนั้น เป็นของแถม