คำหนึ่ง ที่เราท่านมักจะได้ยินหลวงพ่อนิพนธ์สอนเสมอ นั่นคือ "ตัวกระทำ"
แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสสอนว่า พระภูมีชี้ให้เห็นว่า ตัวกระทำ ก็คือ สิ่งที่เราท่านได้ทำไปแล้ว จากความนึกคิด กลายเป็นผลเกิด เช่นคิดจะตีหัวเขา มันก็แค่คิด หากแต่เมื่อตีไปแล้ว นั่นแหละเป็นตน เป็นตัวกระทำสมบูรณ์
ประเด็นก็คือ ตัวกระทำ เมื่อทำแล้ว กลายเป็นพรหมลิขิต รอเราท่านอยู่วันข้างหน้า ที่สำคัญ คือ ตัวกระทำไม่ตาย จะทำสักฉันใด แม่ชีเมีี้ยนตรัสว่า ไม่ตายเลย หลวงพ่อนิพนธ์อธิบายว่า นั่นคือ เมื่อทำแล้วผลต้องเกิด
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชี้ให้เห็นว่า เมื่อตัวกระทำไม่ตาย พระภูมี แม้นมีธรรมเป็นอำนาจ ก็ไม่ก้าวล่วง หากแต่เปลี่ยนทุกข์ที่เกิดจากตัวกระทำในอดีตนั้น และไม่รอจนผลเกิด ก็สอนให้ทุกข์กับวินัย ทุกกับธรรม ใช้ก่อน ค่อยๆใช้ไป ไถ่ถอนกรรมไปเรื่อยๆ ผลที่เกิดก็จะไปหนักจนเกินไป จนรับไม่ได้
คำสอนของศาสนา ที่ผิดเพี้ยน ที่กล่าวว่า ธรรมล้างกรรม แล้วกล่าวว่า เราท่านจะปฏิเสธ ไม่ใช้กรรม ไม่ต้องรับเลย นั้นจึงไม่ใช่
หากแต่การใช้กรรมนั้น กระทำโดยที่พระภูมีบัญญัติ แทนนั่นเอง
สิ่งที่วิเศษ ของธรรม นั่นคือ อำนาจ การทุกข์กับธรรมวินัย หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ทำหนึ่งได้สิบ นั่นหมายความว่า หากเราท่านรอผลกรรม หากต้องรับทุกข์สิบส่วน เมื่อมาใช้วินัย ก็ทุกข์เหมือนกัน แต่เพียงแค่ส่วนเดียว ก็เพียงพอใช้กรรมอันนั้นได้นั่นเอง
นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมต้องมีพิธีกรรม ต้องสวดมนต์ นั่นคือบัญญัติทุกข์ ให้เราท่านใช้กรรมประการหนึ่ง ชอบไม่ชอบ ก็ต้องมาทนเมื่อย มาหยุดด่า หยุดว่า มาสงบจิต สงบใจ สงบกาย แม้นเพียงชั่วครู่ชั่วยาม หนึ่งชั่วโมง สองชั่วโมงก็ตามที
การทานสมุนไพร จึงต้องมาเอง ทำเอง เมื่อมาแล้ว อย่างน้อย ผลแห่งการทำในห้องสวดมนต์ ก็เป็นรายได้บุญ ที่จะกลายเป็นอำนาจให้สมุนไพร ย้อนกลับไปช่วยตน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ทำไมไม่มาไม่ได้ ก็เพราะสมุนไพร อุปมาเสมือนตัวปืน แลบุญทีทำเสมือนลูก หากไร้เสียซึ่งบุญ สมุนไพรก็เหมือนเหล็กก้อนหนึ่ง จะไปฆ่าโรคได้อย่างไร อย่างดีก็แค่ปาหัวให้เจ็บเท่านั้นเอง
การมาทานสมุนไพร จึงจำเป็นต้องเรียนรู้ ในเรื่อง กรรม ตัวกระทำ แลบุญ ให้กระจ่าง เพราะการกระทำที่ถูกตามพุทธบัญญัติเท่านั้น ผลถูกจึงจะเกิด หาใช่ทำตามใจชอบ ถูกใจแล้วทำ แล้วนึกเอาเอง ว่าได้บุญ ถึงเวลากรรมชนโครม บุญนึกเอาเอง มันช่วยไม่ได้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้หนทางบุญ ไม้ไผ่ลำเดียว หนทางสายเดียว ที่พระภูมีทรงบัญญัติ แม่ชีเมี้ยนชี้ไว้ให้ บุญเกิดจากนิสัย อยากได้บุญ ต้อง "ลดนิสัย" ไม่มีทางอื่นให้เลือก ให้เดิน
ใครบอกว่าบริจาค โน่น นี่ นั่น สร้างวัด สร้างโบสถ์ .. ได้บุญ ก็ว่ากันไป นั่นมันบุญนึกเอาเอง ... แต่กรรมที่มาเป็นทุกข์ เป็นโรค นั่นของจริง ทุกข์จริง เจ็บจริง บุญนึกเอาเอง ช่วยไม่ได้
แลหวังยาเคมี เป่าเสก มนต์คาถา หมอผี ยิ่งแล้วใหญ่ จะมาชนะกรรม ไม่มีทางเลย มีแต่เข้าตำรา แกว่งตีนหาเสี้ยน
ยิ่งปฏิเสธไม่ยอมใช้ ไม่ยอมทุกข์ ยิ่งทุกข์เข้าไปใหญ่
เล่ห์กลกรรมที่ซ่อนไว้ แลใหญ่ที่สุด ที่นักวิชาการทั้งหลายในโลกไม่รู้ นั่นคือ บาปใดจะเท่าบาปทำร้ายตนเองนั้นไม่มีเลย
เมื่ออาศัยผู้อื่น มาแก้บาปตน สิ่งนั้นกลายเป็นบาปทำร้ายตน นั่นคือ ดาบซ่อนรูป ที่คมกว่าดาบอื่นใด ทำลายพรหมลิขิต ได้
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมหมอผู้เชี่ยวชาญด้านมะเร็งของญี่ปุ่น จึงกล่าวว่า ผู้ป่วยมะเร็ง แล้วไม่ใช้วิธีทางการแพทย์หรือทำการรักษาใดๆ ปล่อยไปตามธรรมชาติ ล้วนแล้วแต่มีอายุยืนยาวกว่าผู้ที่ทำการรักษาทั้งสิ้น แถมยังตายสบายกว่าเสียอีก