ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559
ใบ้กิน
นักการทหารท่านหนึ่งกล่าวไว้ว่า ในการรบ "รู้เขา รู้เรา" รบร้อยครั้งก็ชนะร้อยครั้ง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนเสมอว่า ศาสนามีไว้ ให้คนที่มีปัญหาชีวิต ได้พิจารณา แล้วทำ เพื่อกอบกู้ทั้งจิตวิญญาณ และร่างกาย
ดังนั้น ศาสตร์อันนี้ มีความสำคัญ แต่ไม่จำเป็น เพราะแม้นไม่มีศาสตร์ของพระภูมี ทุกผู้ทุกนาม ก็สามารถดำรงตนอยู่ได้ตามพรหมลิขิต หรือ กรรมลิขิตแห่งตนได้อยู่แล้ว
แม่ชีเมี้ยนจึงทรงถือว่า ศาสนา เป็นองค์กรที่สาม ที่ยื่นมือเข้ามายุ่ง กับ องค์กรทั้งสองของโลก คือ กรรมดี กรรมชั่ว
ด้วยเหตุที่ว่า อำนาจกรรม เป็นผู้ครอบครองโลกใบนี้ เราท่านล้วนอยู่ในอำนาจกรรม การที่ศาสนา หรือ อำนาจธรรม จะเข้ามายุ่งเกี่ยว หรือ ยื่นมือเข้ายุ่งกับเราท่านได้ จึงมีกำหนดกฎเกณฑ์
หลวงพ่อนิพนธ์ อุปมาให้ฟังว่า อยู่ดีดี อำนาจธรรมเขาจะมาเกื้อกูลเราท่านเองนั้น ทำไม่ได้ นั่นเอง
เราท่านต้องยื่นมือเอื้อมไป นั่นคือ การทำคุณสมบัติรองรับ อำนาจธรรมจึงยื่นมาเกื้อกูลเราท่านได้
ดังนั้น การเรียนรู้ ในการสร้างคุณสมบัติ จึงเป็นเรื่องจำเป็นยิ่ง หากผู้หนึ่งผู้ใด ปรารถนาจะเปลี่ยนพรหมลิขิต ชะตากรรมของตน
คำถามก็คือ แล้วสมุนไพรหล่ะ มีขอบเขต อำนาจ หน้าที่ อย่างไร
ก็ด้วยผลย่อมมาแต่เหตุ คนที่มา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า ย่อมเป็นผู้ที่เคยมีตัวกระทำกับศาสนา ในอดีตมานั่นเอง พูดง่ายๆ ก็อาทิ เคยตักบาตร กับพระพุทธเจ้า แลสงฆ์สาวก ประมาณนั้น
โรคที่เป็นจึงเป็นเหตุให้เวียนว่ายมาหาศาสนา อาศัยสมุนไพรเรียกแขก ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไม ทุกผู้คนที่มาทานสมุนไพร จึงมีสภาพที่ดีขึ้น นั่นเป็นเพราะผลในอดีต ทำให้เราท่านได้โอกาส จะพัฒนาตนอีกครั้ง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า ด้วยเหตุนี้ สมุนไพรจึงไม่ใช่ปลายทางของศาสนา หากแต่ความจริงเป็นเพียงต้นทาง หรือใบเบิกทางเท่านั้นเอง
ผลแห่งการทานสมุนไพร ก็ว่ากันไปตามสภาพ จะถึงขั้นหายก็มีมากมาย แต่นั่นไม่ใช่เป้าหมายที่เอาเป็นที่พึ่งได้ นั่นคือ ไม่ควรจะยึดสมุนไพรเป็นที่พึ่งตลอดไปนั่นเอง
ความปรารถนาอยากมีสุขของเราท่าน มิใช่จบที่การหายโรค หากแต่หมายถึงชีวิตที่เป็นสุขในภายภาคหน้า หรือ ภพหน้าด้วยต่างหาก
คนอีกกลุ่ม ทานสมุนไพร แล้วดีขึ้นระดับหนึ่ง แล้วก็ทรงอยู่อย่างนั้น ไม่หายสักที คนกลุ่มนี้ ก็กลายเป็นคนติดสมุนไพร นั่นคือ พอหยุด อาการก็เกิด พอทานอาการก็หาย จึงต้องทานสมุนไพรตลอด แต่ก็ไม่หายสักที
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ผลที่เกิด ก็เนื่องด้วยข้อจำกัดของสมุนไพรนั่นเอง พลังของสมุนไพรเดิม ก็มาจากตัวกระทำเดิมกับศาสนาในอดีต เมื่อหมดไป ก็ขาดพลังหนุน เพราะผู้ทานไม่ยอมที่จะสร้างพลังหรืออำนาจธรรมขึ้นมาใหม่ หรือ ไม่มีบุญเป็นพลังมาเกื้อหนุนต่ออีกนั่นเอง
สมุนไพรจึงทำหน้าที่เสมือนพี่เลี้ยง ที่ทำให้เราท่านได้มาเดินในรอยของศาสนา ดังนั้น เมื่อถึงเวลา ก็ต้องจากไป เราท่านต้องพึ่งลำแข้งตัวเอง ในการเดินต่อให้ถึงจุดหมาย
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า การรู้เรา คือ รู้ว่า สมุนไพรจะไม่มีประโยชน์กับผู้ใดเลย จึงสำคัญ นั่นคือ เมื่อไหร่ที่การทานสมุนไพรจะไร้ค่ากับเราท่านนั่นเอง
บทสุดท้าย ผลแห่งความสำเร็จ อยู่รอด ปลอดภัย ไร้โรคา จึงจำเป็นต้องอาศัย อำนาจธรรม อำนาจบุญ เพียงอย่างเดียว ทุกตัวคน
แลบุญนั้น แม่ชีเมี้ยนทรงชี้ทางให้ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่าไม่มีทางอื่นใด ไม่ได้มาด้วยการสร้างวัตถุ หรือ อื่นใด นอกจาก ลดนิสัยตน และนำเอานิสัยพระพุทธเจ้ามาใช้เป็นบางสิ่งบางอย่าง เพียงอย่างเดียว
หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า คนกลุ่มหนึ่ง ทานสมุนไพรแล้ว สภาพดีขึ้น จนหาย เมื่อหายแล้ว ไม่นึกทบทวนว่า การกระทำใดที่ทำให้ตนหาย แล้วก็ละเลย กลับไปใช้ชีวิตตามนิสัยเดิม สิ่งที่จะเจอ คือ การหวนคืนของโรคมาในแบบโรคใหม่ ทีนี้จะมาใช้สมุนไพร เพื่อช่วยตนเช่นเดิม คนกลุ่มนี้ จะพบว่า ทานเท่าไหร่ ก็ยากจะประสพผล ทั้งนี้เพราะ สิ่งที่ทำ ทำทั้งที่ผ่านการเรียนรู้เรื่องของศาสนามาแล้วนั่นเอง
จะเรียกว่า การทานสมุนไพร ในตอนแรก ก็เสมือนการกินบุญเก่าในอดีตชาติ คนไหนทำมามากก็อาจดันให้ถึงฝั่งฝัน คือ หายโรค แต่บุญเก่าก็หมดไป เมื่อยังมีนิสัยกรรม สร้างกรรมต่อ ก็เสมือนสร้างโรคใหม่ หวนกลับมายังตน หากบุญเก่าน้อยหน่อย ก็ได้แค่ทรง จะทานสักฉันใด ก็ไม่ถึงฝันคือหายโรคสักที
การเรียนรู้ จึงมีความสำคัญยิ่ง เพื่อสร้างคุณสมบัติ ด้วยการเรียนรู้ทางบุญที่ถูกต้อง ฟัง แล้วพิจารณา แล้วทำ .... ใครทำ ใครได้
ดังนั้น จะเรียกว่า พวกที่มาถึง ก็คือพวกที่เป็นสาวกของอดีตพระพุทธเจ้าก็ว่าได้ ที่ทรงสร้างทิ้งไว้ให้ จึงดลบันดาลให้มาถึง เมื่อมาแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอน และให้พิจารณาเลือกว่า จะสร้างต่อเพื่อช่วยตน หรือจะกินบุญเก่าให้หมดไป ได้แค่ไหนก็แค่นั้น
สมุนไพรจึงมีวิญญาณ รับรู้ คนทาน หากไร้เสียซึ่งบุญ สมุนไพรที่ทานก็เป็นเพียงแค่ผ่านมาผ่านไป ไม่ให้คุณให้โทษอะไรเลย จะทานมากสักฉันใดก็ไร้ผล
มีคนกล่าวว่า ทำไมต้องบังคับสวดมนต์ ต้องให้ถวายสัจจะ ต้องมาทุกสัปดาห์ ต้อง.... ก็เพราะไม่มีใครช่วยใครได้ อยากได้ต้องทำเอง หลวงพ่อนิพนธ์ ก็ทำได้แค่เพียงสอนชี้ช่องให้ทำเท่านั้นเอง
แลก็ไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไมสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ใครจะลักเอาไปขาย ไปทาน โดยไม่คิดจะทำอะไรเลย หลวงพ่อนิพนธ์ จึงไม่กลัว เพราะมันไร้ผลนั่นเอง หากผู้ทานไร้เสียซึ่งคุณสมบัติ
จึงควรเรียนรู้ว่า จะสู้กรรม สู้โรค อาวุธของเราท่านคือสมุนไพร จะฟาดฟันสู้ได้ จะคมกล้าหรือทื่อบิ่น อยู่ที่นิสัยของผู้ถือดาบเป็นสำคัญ จิตใจยิ่งสุง ลดนิสัย ได้มาก ควบคุมตนได้ดีเท่าไหร่ ให้สุขคนมากเท่าใด ดาบสมุนไพรยิ่งคมกล้าเท่านั้น ยาเขียวแก้วเดียว มะเร็งก็แทบเผ่นแน่บไม่ทันแล้ว หากจิตใจยังเหมือนเดิม นิสัยเดิมล้วนๆ บุญเก่าหมดวันใด เราท่านก็จะเจอของจริง ดาบสมุนไพรทื่อๆ ให้ฟันมากสักฉันใด ฟันกรรมไม่ลง ฟันโรคไม่ขาด หรอก
ถึงเวลาแห่งความจริง ขนาดสมุนไพรของพระภูมี ยังฟันโรคไม่เข้า จะไปหวังพึ่งยาเคมี สมุนไพรที่ขายกันเกร่อ ยาผีบอก .... อย่าไปหวังฟันโรคเลย มีแต่ดาบจะกระดอนมาฟันตัวเองเหวอะมากขึ้นเท่านั้นเอง