ภาพที่ใครๆก็ชอบ นั่นคือ ภาพลักษณ์ที่ดูดี กิริยาที่ดูสุภาพ อ่อนหวาน เรียบร้อย และที่สำคัญที่สุดคือความสะดวกสบาย
จึงไม่แปลกที่ว่า ทำไมศาสนสถานที่มีอยู่กลาดเกลื่อนในโลกนี้ จึงพยายามสร้างให้ใหญ่โต รโหฐาน น่าเชื่อถือ มีสิ่งอำนวยความสะดวก ห้องน้ำสะอาด ห้องปฏิบัติศาสนพิธี ลุกนั่งสบาย มีพัดลม เครื่องปรับอากาศ มีบรรยากาศที่มองแล้วสบายตาสบายใจ
และก็ไม่แปลก ที่สถานที่เหล่านั้น จะมีคนแห่แหนกันไปเรือนแสน มืดฟ้ามัวดิน ยิ่งถ้ามีคำร่ำลือว่า ขออะไรก็ได้ ... คนถล่มทลาย
นั่นคือสิ่งที่มนุษย์ชอบ ถูกจริตนิสัยของตน
มองภาพให้เล็กลง เมื่อพิจารณาว่า หมอ ก็คือ พระเจ้าองค์หนึ่ง ที่สร้างความเชื่อให้กับคน และหมอใดสร้างความน่าเชื่อถือไว้วางใจได้มาก คนก็ไปพึ่งพาอาศัยมากไม่ต่างกับศาสนสถานนั่นเอง
เราท่านจึงเห็นว่า ด้วยความชอบความเห็นของคนป่วยเป็นเช่นไร หมอย่อมรู้ดี ดังนั้น สถานที่จึงมีความสำคัญ ต้องใหญ่โตรโหฐาน โอ่อ่าเสมือนศาสนสถานฉันใดฉันนั้น
ยิ่งมีเครื่องมือทางการแพทย์ก้าวล้ำเพียงใด ยิงสร้างความขลัง ความน่าเชื่อถือของสถานที่ ให้คนแห่แหนกันเข้ามาเท่านั้น
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นความจริง ให้เราท่านได้พิจารณา ไม่ว่าศาสนสถาน หรือ พระเจ้าที่เป็นหมอ สุดท้าย ความจริงจะปรากฎว่ามีอิทธฤทธิ์ ปาฏิหารย์ มีความสามารถหรือไม่เพียงใด ก็ต่อเมื่อเจอของจริง นั่นคือ ทุกข์ โดยเฉพาะทุกข์ที่เกิด กลายเป็นโรคร้าย ที่กำลังจะมาคร่าชีวิต
ทุกข์นี้เป็นของจริง อยู่กับตนทุกเวลานาที และเป็นที่หวังในการไปหาพระเจ้า ไม่ว่าที่ศาสนสถาน หรือ โรงพยาบาล ก็มุ่งหวังให้ทุกข์อันนี้หายไปทั้งหมดทั้งมวล
แต่ผลที่ประจักษ์กับตน เป็นเช่นไร ย่อมรู้แก่ใจตนดี ว่า สิ่งที่ตนหวังพึ่งนั้น เป็นสิ่งชอบหรือสิ่งที่ใช่
กรรมการหลายท่าน กล่าวกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ทำไมจึงไม่สร้างอาคารดีๆ สะดวกสบาย ให้คนที่มาจะได้รู้สึกดี ไม่ลำบาก นั่งนอนสบาย
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า อาคารแบบนั้น ช่วยให้สบาย แต่ไม่ช่วยชีวิตคน
แลยิ่งไปกว่านั้น สถานที่ช่วยชีวิต หรือศักดิ์สิทธิ์ ควรมีที่มาจากการให การเสียสละ ไม่จำเป็นต้องดูรโหฐาน ไม่จำเป็นต้องสะดวกสบาย หากแต่เมื่อผู้ใดมาถึง แล้วทำได้ ผลคือ ผู้นั้นรอด
อาคารในแต่ละยุคและสถานที่ของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักมีบุคคลต่างๆ มาร่วมแรงร่วมใจ ตามความสามารถที่มี ทำในสิ่งที่ตนทำได้ รวมกันจนกลายเป็นสถานที่และอาคารขึ้นมา
อาทิ ศาลาขนมไทย ที่เป็นจุดเริ่มของไทยกรุณา อันเป็นที่ตั้งศาลาขนมไทย ที่ถูกรื้อไป เสาไม้ก็มาจากป้าอ๋า ที่นำไม้จากบ้านตนที่รื้อออกมา มาถวาย ไม้อื่นๆ ก็จากบ้านป้าป้อม พี่สาวของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่รื้อจากคลองเตย คนก่อสร้าง ก็ได้แรงงานจากคนป่วยยาเสพติด โครงเหล็ก ทั้งอาคาร ก็ได้ช่างเชื่อมมือดีจากอิตัลไทย ที่เป็นเอดส์ การออกแบบก็ได้มาจากลุงวิทย์ ที่ทำงานออกแบบให้วังของกษัตริย์ตะวันออกกลาง ช่างสีก็ได้จากคนที่มาเลิกเหล้า ... เป็นต้น
ภาพแบบนี้ เราท่านก็ยังสามารถพบเห็นได้จนปัจจุบัน และหลายเรื่องหลายราวอาจเป็นตำนานเล่าขานขอคนในอดีต อาทิ คู่แต่งงานที่แต่งงานกันมาหลายปี ไม่มีบุตร หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้มาช่วยกันสร้างอาคารที่ใช้สวดมนต์กันอยู่ทุกวันนี้ มาทำตั้งแต่ยังไม่มี จนแฟนตั้งครรภ์ และทำจนท้องแก่ และคลอดลูก ก็มีเป็นประวัติศาสตร์มาแล้ว
วันนี้ เราท่านก็อาจจะได้ยิน คนป่วยมะเร็งกลุ่มหนึ่ง ที่บางคนอาจจะอาการหนักอยู่ จับกลุ่มกันอาสา ไปพัฒนาที่ดิน ที่ลพบุรี จนกลายมาเป็นอาคารสวดมนต์ จากผืนดินรกชัด กลายมาเป็นสวนที่ใช้ปลูกผลไม้ และต้นสมุนไพร
อาคารอาจไม่สวยงาม ทันสมัย ห้องน้ำอาจไม่เริดหรู เท่าปั๊มน้ำมันบางปั๊ม แต่หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า อันนี้แหละใช่ สถานที่ที่ให้ชีวิตคน
ต้นสายธารของสิ่งที่ชอบ มาจากความคิดของคนโลภ แต่ต้นสายธารของสิ่งที่ใช่ มาจากเมตตาธรรม คุณธรรม ความเสียสละ
คำตอบที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้แก่กรรมการ นั่นคือ ก็ในเมื่อสถานที่นี้จะเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ มาจากความเสียสละ เดินในรอยธรรมพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ก็มาพิสูจน์กันว่า เมื่อทางเลือกนี้ถูกเสนอ จะมีมนุษย์แหแหนกันมาไหม
แล้วเลือกเอา ไปหาที่ชอบ แล้วชีวิตก็ล่มสลายไป หรือจะมาหาสิ่งที่ใช่ เพื่อกอบกู้ชีวิต
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า รอยพระภูมีที่ทำไว้ให้ ในการหาสิ่งที่ใช่ นั่นคือ ทิ้งเวียงวัง ความสะดวกสบาย ทิ้งรถ ทิ้งม้า มาเดิน ทิ้งคนโฑทอง มากินน้ำรอยตีนควาย ทิ้งการพึ่งพาผู้อื่น มาอาศัยตนพึ่งตน
จึงเป็นเคล็ดอันหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์สอนเสมอ ว่าผู้ที่จะประสพผล ก็ต้องอาศัยตนของตน ดีไปกว่านั้น ก็เป็นฝ่ายให้ นั่นคือ พระเวสสันด จะมาทำตนเป็นผู้รับ แบบมือขอฝ่ายเดียวนั้นไม่ควร เพราะนั่นคือชูชก จุดจบก็มีแต่ท้องแตกตาย ไม่มีทางสำเร็จผล
คนนั้นช่วยกันปลูก คนนั้นช่วยกันเก็บ คนนั้นช่วยกันทำสมุนไพร คนนั้นช่วยกันหา แล้วเราท่านเล่า จะทำตนเป็นชูชก รอทานอย่างเดียว แล้วหวังผล ยิ่งไปกว่านั้น นั่งติอย่างเดียว ทำไมช้าจัง ทำไมให้น้อยจัง ทำไมไม่ทำสถานที่ให้ดีๆ ทำไมไม่รีบแจก จะได้กลับ ไม่ต้องรอใหเสียเวลา ... บางคนก็เลยไปโน่น ดึงเอาไว้จะได้ขายของใช่ไหม ได้เงินเยอะๆ
เราจึงอยากเตือนว่า เมื่อพระพุทธเจ้าประกาศตน ปรากฎโฉม หลายคนอาจปรับตัวไม่ทัน เราท่านอาจจะไปเจอพระพุทธเจ้าเช่นดั่งพระกัสสปะ ที่เป็นชาวกะเหรี่ยง ชนชาติพม่า เยี่ยงในอดีตอีกครั้ง ที่มีวาจาดุดัน ไม่นุมนวลเหมือนพระโคดม อีกครั้งก็ได้ เพราะท่านไม่สนคนชอบ แต่สนคนเชื่อแล้วทำตาม ใครรับไม่ได้ก็ถอยไป
สิ่งที่ใช่ จึงไม่จำเป็นต้องปรับปรุงรูปโฉม สร้างภาพ ให้ชอบ แต่ก็ไม่เกินเลยจนรับไม่ได้ หากแต่พิสูจน์ความใช่ที่ผลงาน ... ใครเชื่อ พิจารณา แล้วทำตาม หากไม่ใช่พรหมลิขิตแล้วไซร้ รอดทุกตัวคน
ตอนนี้นาทีทอง เพราะสถานที่กำลังถุกพัฒนา เสมือนกำลังปลูกมะม่วง เมื่อเสร็จ ก็เสมือนมะม่วงออกลูก เราท่านจะทำตนเป็นคนปลูก หรือ จะเป็นคนรอกิน แล้วรอผลอิ่มท้อง หรือ อิ่มบุญ ในผลมะม่วงที่ให้สุขแก่ผู้ทาน