สิ่งหนึ่งที่เป็นที่ปรารถนาของคนทั่วไป คือ ความเป็นมงคล
หลายคนจึงดิ้นรนแสวงหา เพื่อให้ได้มา ไม่ว่าจะยากลำบากสักเพียงใดก็ตาม ก็ดิ้นรนเดินทางไปยังทุกที่ ที่ตนเชื่อว่ามีมงคล
คำถามที่บางคนสงสัยว่า เชื่อได้อย่างไรว่าสมุนไพรนั้นเป็นของมงคล หรือเป็นเครื่องลาง หรือ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ธรรมชาติฟ้าดินเขาสร้างมา
หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า จักรวาลนี้ สิ่งที่ธรรมชาติใช้สร้างสิ่งมีชีวิต อาศัย ธาตุทั้งสี่ คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ แลด้วยเหตุนี้ การดำรงอยู่ จึงอาศัยปัจจัยสี่ ที่ธรรมชาติสร้างในการดำรงชีพ
มนุษย์และสัตว์ จะเจริญเติบโตเพราะร่างกายตอบรับ สิ่งที่นอกเหนือไป โดยเฉพาะสารเคมี จึงกลายเป็นสิ่งแปลกปลอม ที่สำคัญ ร่างกายไม่รับ ดังนั้น จึงเป็นตัวก่อเกิดโรค หากร่างกายไม่สามารถขับออกได้หมด
เมื่อธรรมชาติ บัญญัติอาหาร ที่เป็นปัจจัยสี่ในการดำรงชีพ ก็บัญญัติสมุนไพร ไว้ใช้ในการแก้ไขปัญหาสุขภาพมาด้วย พร้อมสรรพ
ประเด็นปัญหาของสมุนไพรมีสองประการ
ประการแรก คือ สูตรของสมุนไพร ที่จะนำมาใช้นั่นเอง หากให้มนุษย์คิดค้นหา ค้นคว้า เหมือนอย่างประเทศจีน ลองตั้งแต่หนุ่มสาว จนผมหงอก ก็ไม่รู้ว่าจะได้สักสูตรไหม
อันนี้นับว่าเราท่านโชคดี เพราะแม่ชีเมี้ยนท่านรู้สูตรของพระพุทธเจ้า จึงไม่ต้องค้นคว้า ไม่ต้องเป็นหนูทดลอง บอกปุ๊บพระจด แล้วไปเก็บนำมาทำ ใช้ได้เลย
แค่นี้ก็น่าจะคิดได้ว่า แม่ชีเมี้ยน ไม่ธรรมดา รู้ได้ไง
แต่ที่สำคัญกว่าสูตร แม่ชีเมี้ยนตรัสสอนพระว่า นั่นคือ คำสาปของฟ้าดิน ที่มีต่อสมุนไพรที่สร้างขึ้นมา ที่ซึ่งเป็นเคล็ดในการรักษามงคล หรือความศักดิ์สิทธิ์ ที่มีตามธรรมชาติของสมุนไพร
พูดให้ฟังง่าย คือ เล่นของไม่กินของ ทำไปแล้วไม่เสื่อมนั่นเอง คือ "ทำให้"
เรื่องเล่าแต่ครั้งถ้ำกระบอก ที่คนรุ่นเก่าเล่าให้ฟัง ที่อยากหยิบยกมา นั่นคือ การถวายข้าวสาร ๕ กระสอบ ของคนผู้หนึ่งแก่พระ ในยุคถ้ำกระบอก
แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า ผู้ที่ถวายตั้งจิตอธิษฐานขอไว้ หากพระรูปใดทำได้ ก็นำข้าวนี้ไปทานได้
พระถามว่า เขาอธิษฐานอันใดหรือ แม่ชีเมี้ยนตรัสตอบว่า อานิสงฆ์ของข้าวนี้ ขอให้เขาถูกรางวัลที่หนึ่ง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีพระรูปใดกล้านำข้าวนั้นไปทานเลย
ของทุกสรรพสิ่ง ไม่มีได้มาฟรี แม้นผู้ให้ดูเสมือนจะให้ปล่าว แต่ก็มีคำขอติดมา ดังนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวเสมอว่า หากรับมาแล้วอย่านำมากอง ให้รีบใช้ เพื่อให้ผลแห่งบุญทาน กลับไปยังผู้ให้เร็วที่สุด
แต่ที่สำคัญกว่าคือ หากทำให้เขาไม่ได้อย่าไปรับ มิฉะนั้นจะเป็นหนี้อันมหาศาล เหมือนพระทั่วไป ที่บวชไปนานๆ แล้วถูกหนี้ทับจนกลายเป็นโรคนั่นเอง
ด้วยจะหาซึ่งมงคลกับพ่อค้าแม่ค้าในยุคนี้ ก็ยากยิ่ง ดูจากเศษกระดูกหมู ที่นำมาใช้ทำขาต้๊ง หรือ ยากระดูก นั่นเอง
ขึ้นราคาก็พอทน แต่ยังเอาของเน่าเสียปนมาให้ด้วย เพราะคิดว่าจำเป็นใช้ อย่างไรก็ต้องซื้อ
วันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงพยายามอย่างยิ่ง ที่จะช่วยตนเอง เสาะหาพื้นที่ ทำการปลูกทุกสรรพสิ่งที่ใช้ เท่าที่ทำได้
เพราะรู้ดีว่าภัยกำลังมา ในไม่ช้าผู้คนจะหันมามองทางเลือกนี้
แลก็กำลังฟื้นฟู สำนักที่ลพบุรี ที่จะเปิดตัวให้บริการอย่างเป็นทางการ อีกแห่ง ในวันงานรำลึกคุณแม่ชีเมี้น ต้นปีหน้านี้
ใครอยู่ทางด้านไหน สะดวกที่ใด ก็ไปรับบริการที่นั้น
สิ่งที่จะต่างไปจากเดิม ก็คือ พยายามสร้างมงคลของสมุนไพรให้มากที่สุด ซื้อให้น้อยที่สุด เพื่อผลแห่งสรรพคุณสมุนไพรนั่นเอง
อันที่จริงหากเราท่าน เห็นด้วย ก็ติดไม้ติดมือมาคนละเล็กละน้อย มะนาว ๕ ลูก มะกรูด ๕ ลูก มะพร้าว ๒ ลูก พริกไทยขีด ตามแต่จะหาได้ ส่วนของที่หายาก หลวงพ่อนิพนธ์ท่านก็จัดหามา เท่านี้ กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา ก็ดำเนินไปได้ ไม่ต้องง้องบประมาณ หรือความช่วยเหลือจากใคร ไม่ต้องเป็นหนี้เจ้าของเงิน เหมือนเจ้าของข้าว ที่จะมาช่วย
เช้าหิ้ววัตถุดิบมา เย็นหิ้วสมุนไพรกลับ กินของเราท่านเอง ไม่เป็นหนี้ใคร เหลือนั้นทำทาน ปะติโย โหตุ
นี่แล วัดของพระพุทธเจ้า ไม่มีโบสถ์ ไม่มีศาลา มีแต่โรงทาน
เราจึงอย่ากระตุ้นให้ทุกคน อย่ารอพึ่งผู้อื่น อย่าทำตนเป็นผู้รับฝ่ายเดียว มีแต่หนี้ ของเก่ายังไม่ใช้ ของใหม่เพิ่มพูน ควรทำตนเป็นผู้ให้ดีกว่า ไม่มีหนี้ เหลือก็เป็นทาน สมุนไพรที่ทานก็มีแต่นับวันยิ่งเป็นมงคล
คนที่ยังสร้างบุญไม่ได้ ทางช่วยแรกก็อาศัยสรรคุณ หรือ ฤทธิ์ของสมุนไพรนี้ สร้างโอกาส ยิ่งสร้างได้มากเท่าใด คนทุกข์ก็ยิ่งมีโอกาสช่วยตนได้มากเท่านั้น
อย่าเลย อย่าคิดเอาเงินมาทำบุญ ไม่ใช่เป้าประสงค์ของศาสนาเลย หิ้วมะกรูด มะนาวมา ขีง ดีปลี พริกไทย กระเทียม เข้าโรงทาน นี่ต่างหาก และจะยิ่งดี หากไปลงมือทำสมุนไพรด้วยตนเอง นี่แหละเขาจึงเรียกหลักพระภูมีว่า "ตนช่วยตน"
ทำไปเรื่อยๆ จนเป็นนิสัย ก็จะได้นิสัยใหม่ของพระภูมีอย่างไม่รู้ตัว นั่นคือ นิสัย ที่เป็นผู้ทำให้ ไม่ใช่ผู้รับ ... ไปไหนใครก็ชอบ
ผู้ที่คิดจะกินของผู้อื่น ดูเสมือนได้เปรียบ เป็นผู้ได้ ... จริงแล้ว หนี้บาน รอวันทวงคืน .... ดั่งคำตรัสที่แม่ชีเมี้ยนให้ว่า ทำให้เขาได้ก็เอาไปกิน ทำไม่ได้ ก็รอเป็นเป็ดเป็นไก่ ไปให้เขากินนั่นแล
ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมจึงมีเป็ดไก่กินไม่รู้จักหมดจักสิ้น ก็ไอ้พวกที่คิดจะกินแต่ของเขานั่นเอง