หลวงพ่อนิพนธ์ ย้ำเตือนหนักหนาในตอนนี้ว่า พระพุทธเจ้า ท่านอุบัติขึ้นแล้วในแผ่นดินพม่า
การกระทำใด ที่ส่งผลต่อพระพุทธศาสนา ย่อมมีผลอันมหาศาล ดีก็ดีใจหาย ร้ายก็เข้าขั้นฉิบหายเลยทีเดียว
แลศาสนาพุทธ มีเอกลักษณ์ที่สำคัญของอำนาจ นั่นคือ มีเพียงหนึ่ง
ดังนั้น อำนาจของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่แต่เดิมแม่ชีเมี้ยนให้ไว้ ณ.บัดนี้ กล่าวได้ว่า ไม่มีอีกแล้ว เพราะเมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติ ศูนย์รวมของอำนาจ จะถูกมอบให้แก่พระพุทธเจ้าเป็นผู้ครอบครองแลใช้แต่เพียงผู้เดียว
นั่นหมายถึง บุญญาธิการของพระพุทธเจ้า ที่เมื่อผู้ใดฟัง พิจารณา เชื่อแล้วทำตาม ก็จะเกิดบุญ มาปกปักรักษาผู้นั้น
แผ่นดินเดิมของพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์ ล้วนแล้วแต่มีผู้ที่ใช้ศาสนาหากิน ทำลายสิ้น ดังนั้น จึงไม่ต้องแปลกใจว่า แม้นแต่แผ่นดินอินเดีย ที่เป็นต้นกำเนิดของพระพุทธเจ้าโคดม ทำไมจึงประสพความเลวร้าย
แม้นแต่พม่าเองที่เป็นถิ่มที่กำเนิดของพระพุทธเจ้ากัสปะ แลพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ก็หนีไม่พ้นเช่นกัน
คนในพม่าที่จะรอดพ้นภัยพิบัติ แม้นจะมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้นมาในยุคนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็กล่าวว่า ร่มโพธิ์ของพระพุทธศาสนา เขามีขีดมีวงจำกัด ไม่ก้าวก่ายรุกล้ำไปยังแผ่นดินกรรม ใครอยากปลอดภัย ก็ต้องเข้ามาในร่มของพระพุทธเจ้า แล้วปฏิบัติ ผู้นั้นจึงรอดเช่นกัน
แลย้อนมาประเทศไทย ประเทศที่เคยทำลายผู้ปฏิบัติ ที่จะทำตนเป็นพระพุทธเจ้า อันนี้โดนสองกระทงเลย เพราะมิเพียงทำลายผู้ปฏิบัติ แถมทุกชนชั้นยังมีพฤติกรรมตรงข้ามกับศาสนาอีกต่างหาก นั่นคือ การส่งเสริมวัตถุุ
หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ศาสนามีไว้สร้างคน แต่คนไทยส่งเสริมสร้าง เจดีย์ใหญ่ที่สุด พระใหญ่ที่สุด โบสถ์ใหญ่ที่สุด เต็มแผ่นดินไปหมด แถมพระก็หาผู้ปฏิบัติไม่ได้เลย ในจำนวนสามแสนกว่ารูป กลายเป็นพระนักพัฒนาวัตถุไปหมด
วันใดที่พระพุทธเจ้าท่านประกาศตน นั่นหมายความว่าท่านกำลังจะสังคายนาศาสนาพุทธขึ้นมาใหม่ การกระทำที่ทำอยู่ในทุกวันนี้ ผู้ใดยังทำอยู่ ความเลวร้ายจะบังเกิดมหาศาล แลทันตาเห็น
ประเด็นที่สำคัญ ในการกลับมาอีกครั้งของหลวงพ่อนิพนธ์ คำสั่งของแม่ชีเมี้ยน จึงให้มาเตือนพี่น้องชาวไทย ...
อีกประการที่สำคัญ คือ คำกล่าวของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่กล่าวว่า "ไม่เป็นไร" ก็อาศัยอำนาจของแม่ชีเมี้ยนที่ให้ ปกปักษ์รักษา คนผู้นั้น ในวันนี้ ไม่มีอีกแล้ว หนทางเดียวที่คนไทยจะได้สัมผัสอำนาจบุญ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า มีให้ช่องทางเดียว คือ "ลดนิสัย"
ร่มที่ให้หลวงพ่อนิพนธ์มา จึงเป็นร่มที่เล็กใหญ่ตามจำนวนคนลดนิสัย ที่หลวงพ่อนิพนธ์มีความสามารถในการปลุกปั่น
หากเราท่านมามูลนิธิ แล้วไม่ลดนิสัยอะไรเลย ก็หาผลบุญอะไรไปช่วยตนไม่ได้ แลหลวงพ่อนิพนธ์ก็ไม่มีอำนาจที่มาเผื่อแผ่ได้เช่นในอดีต การมาก็สูญเปล่า ทั้งผู้มาและผู้ให้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ให้สติว่า เมื่อพระพุทธเจ้าอุบัติ นั่นหมายความว่า กรรมก็จะทวีคูณความรุนแรงสุดประมาณ สารพัดภัยพิบัติจะถาโถมเข้าหามนุษย์ เพื่อรอให้พระพุทธเจ้ามาดับยุคเข็ญ
ใครจะแน่ก็แน่ไป ใครจะบอกว่าเป็นผู้มีปัญญา วิทยาการเลิศก็ว่าไป สิ่งเหล่านั้นหยุดกรรมไม่ได้หรอก คนไหนอยากรอด เดินตามหลวงพ่อนิพนธ์ ไปตามช่องที่แม่ชีเมี้ยนชี้ไว้ให้ คนไหนไม่สน ไม่เชื่อ คิดว่าแน่กว่ากรรม ก็ทำตามนิสัยตนไป
ปี ๕๙ นี้แหละเราท่านจะได้เห็นว่า อำนาจกรรม เขาแน่ขนาดไหน เกินกว่ามนุษย์ผู้ใดจะต้านทาน เหล็กที่ว่าหนาเป็นนิ้ว ขาดง่ายเหมือนฉีกกระดาษ สถานที่ว่าฆ่าเชื้อ เชื้อจะทะลุทะลวงเข้าไป รีดจนมนุษย์ทั้งโลกต้องร้องขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ช่วย
หากแต่สิ่่งที่มนุษย์ทั้งโลกนับถือว่า ศักดิ์สิทธฺิ์ ล้วนไม่มีจริง จึงช่วยอะไรไม่ได้ นั่นแหละ พระพุทธเจ้าองค์ใหม่จะประกาศตนให้รู้ แสดงบุญญาธิการให้โลกเห็น แม้นไม่นับถือ ก็ต้องยอมรับ
วันนั้นแล เราท่านก็จะได้อยู่ในสมัยของ พ.ศ.๑ ของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน
เรื่องใหญ่ขนาดนี้ หมอดูที่คุยนักหนาว่าเก่ง มันยังไม่รู้เลย เสือกดูดวง ทำนายทายทักไปโน่น ปี ๖... จะเกิดอย่างนั้น อย่างนี้ หลอกชาวบ้านที่ไม่รู้กินไปวันๆ ที่น่ารันทด คนใหญ่คนโตของบ้านเมือง ดันเชื่อหมอดูซะอีก เวรกรรมของประเทศแท้ๆ
วันใดที่เราท่านมีผู้นำที่เชื่อพระพุทธเจ้า ประเทศก็จะเจริญในทันที ... เราก็หวังซึ่งวันนั้น
แลก็ขอบคุณมหันตภัยที่กำลังจะมา หากไม่มีสิ่งนี้ ประเทศไทยไม่มีวันกลับมาเป็นเมืองพุทธที่ถูกครรลองคลองธรรม และ มีความเจริญอย่างแน่นอน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกให้พวกเราท่านทั้งหลายที่ ฟัง พิจารณา เชื่อ มาทำตาม เพื่อทำตน มีชีวิต รอกราบพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันนี้กัน