คำว่า "บุญ" ไม่มีบัญญัติในศัพท์ภาษาอื่นๆ ที่มิใช่ถิ่นของพระพุทธศาสนา
อาทิเช่น ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส หรือทางยุโรป จะไม่ปรากฎ เพราะไม่รู้ความหมายของมันนั่นเอง
หากแต่คนไทย ถ้วนทุกตัวคน ได้ยินคำนี้มาตั้งแต่เกิด ก็ไม่รู้ความหมาย แลที่มาเช่นกัน
ดังนั้นจึงไม่แปลกที่คนโลภแต่ฉลาด จึงใช้หนทางบุญกล่าวอ้างหากินกันเรื่อยมา
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า บุญเป็นของนอกโลก เพราะโลกนี้มีแต่ กรรมดี กรรมชั่ว ดังนั้น บุญจึงมีเจ้าของ
เมื่อผู้ใดทำตนได้ เป็นพระพุทธเจ้า ก็ได้ถือซึ่งอำนาจบุญนี้
การกระทำใดจะเป็นบุญ ก็ต้องด้วยพระพุทธเจ้าเป็นผู้บัญญัติ ผู้ใดทำตาม ผู้นั้นก็ได้บุญ
หากแม้นการกระทำจะเป็นเช่นเดียวกัน แต่มิใช่มาจากพุทธบัญญัติ อย่างเก่งก็เป็นได้แค่กรรมดีเท่านั้นเอง
จึงไม่แปลกเลยที่ว่า คนที่ไกลศาสนา จึงไม่รู้จักหรือได้สัมผัสบุญเลย
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า บุญหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่เป็นของสาธารณะ มีกันเกลื่อน หากแต่แท้จริงแล้ว มีเพียงหนึ่งเดียว คือ พระพุทธเจ้า
และที่สำคัญ ที่คนส่วนใหญ่ไม่รู้ แม้นพระพุทธเจ้า จะมีบุญญาธิการมหาศาล แต่ก็กำหนดขอบเขตของบุญ หรือ ที่เรารู้จักกันในนามว่า เขตพัทธสีมา นั่นเอง
จะไม่ใช้อำนาจบุญ ก้าวก่ายอำนาจกรรมไปทั่วอย่างเด็ดขาด
พุทธประวัติ จึงกล่าวว่า พระพุทธเจ้าทรงสอนแต่ผู้ที่สมควรฝึกได้เท่านั้นเอง คนที่ไม่มีคุณสมบัติ ท่านก็ไม่ไปยุ่ง
คนที่มีคุณสมบัติก็คือ คนที่ปรารถนาถึง พระนิพพาน นั่นเอง ผู้ใดไม่ปรารถนา พระพุทธเจ้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยเลย เพราะหากทำเช่นนั้น เท่ากับล่วงล้ำอำนาจกรรมที่มีต่อบุคคลนั้นๆ
เมื่อเราท่านจะหาบุญ จึงต้องหาพระพุทธเจ้า หรือตัวแทนแห่งอำนาจ แล้วเดินตามรอยที่ว่า "ให้สุขแก่ท่าน สุขนั้นถึงตัว"
ท่านในที่นี้ ก็คือ พระพุทธเจ้า หรือตัวแทนแห่งอำนาจบุญนั่นเอง
ที่นี้ คำตอบก็จะมีแก่ตัวตนของเราท่านเอง ว่าสิ่งที่ทำเป็นบุญหรือไม่ ก็ตรองดูซิว่า พฤติกรรมที่เราท่านทำนั้น ให้สุขแก่ หลวงพ่อนิพนธ์ พระพุทธเจ้า หรือแม่ชีเมี้ยนหรือไม่
เราท่านอยากได้บุญ มาช่วยตน ก็ต้องสนองความอยากของหลวงพ่อนิพนธ์ พระพุทธเจ้า แม่ชีเมี้ยน ด้วยเช่นกัน เสมือน หมูไปไก่มา
ต้องให้สุขแก่ท่าน ด้วยการนำนิสัยธรรมมานำตน แลก็แสดงเอกลักษณ์ที่เป็นรูปธรรม คือ ความสงบ ในเขตพัทธสีมาของท่าน ก่อน สุขนั้นจึงกลายเป็นบุญย้อนกลับมายังตน
ไม่มีวิธีอื่นใดอีกแล้ว แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสแก่หลวงพ่อนิพนธ์ หากอยากได้บุญของพระพุทธเจ้า ต้องลดนิสัยตน แล้วมาใช้นิสัยธรรมของพระพุทธเจ้ามานำตน เป็นบางสิ่งบางอย่าง บางเวลา
ใครที่ไหน จะสร้างบุญกันอย่างไร ก็ว่ากันไป วัดกันว่า บุญที่ท่านชอบ บุญที่ท่านทำ แบบไหนจึงจะมีผลต่อการลดทุกข์ที่บังเกิดแก่กายในเวลานี้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า อำนาจบุญ ทำหนึ่งได้สิบ ได้ร้อย คนยุคก่อนเขาจึงสำเร็จด้วยการปฏิบัติธรรมในชาติเดียว ใช้กรรมที่สร้างมาเป็นสิบ เป็นร้อยชาติได้
อำนาจบุญพาไปนิพพานได้ กะแค่ให้หายโรค หากทำถูก ก็เป็นเรื่องที่ทุกคนทำได้อย่างแน่นอน
เมื่อมาทำ ก็ต้องหมั่นทบทวน ว่าเราท่านทำแล้ว สิ่งที่ทำให้สุขแก่ หลวงพ่อนิพนธ์ พระพุทธเจ้า และแม่ชีเมี้ยนหรือไม่ หากคำตอบคือไม่ เราท่านก็ยังเข้าไม่ถึงบุญ มีแต่บุญที่คิดฝัน แต่ความจริง ไม่มีเลย เมื่อเจ็บมาถึงก็เจ็บ ทุกข์มาถึงก็ต้องทุกข์
การมาหวังแต่ทานสมุนไพร คงไปไม่ถึงฝั่งฝันที่จะหายโรค เพราะศาสน์สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เขามีไว้ให้โอกาสแก่คนที่อยากเป็นคนดี มีธรรมของพระภูมีนำตน เท่านั้นแล
หากไม่คิดจะปฏิบัติ ก็เรียกว่ามาฉ้อเขากิน ... ศาสน์ คือ ปราชญ์ คงไม่ยอมให้โจรมาหลอกกินแล้วเอากำลังไปทำความชั่วอีกหรอก เป็นไปไม่ได้