หลักธรรมคำสอนของพระภูมี มักจะมีคำว่าวรรณะ แทรกอยู่เสมอ
เมื่อพราหมณ์ได้ยินเอาไปใช้ ด้วยความรู้ที่ผิด จึงผิดเพี้ยนกลายเป็นวรรณะดั่งทุกวันนี้ ในอินเดีย
ธรรมที่พระภูมีนำมาสอน ก็แบ่งเป็นวรรณะ ตามความประสงค์ของผู้ทำ ว่าจะปรารถนาถึงสิ่งใด
เราไม่ก้าวก่ายคำสอนอื่นว่าผิดถูก หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์ยกคำสอนแม่ชีเมี้ยนให้ำจารณาว่า คนเมื่อมาหาศาสนา พระภูมีย่อมจำแนกว่าผู้นั้นปรารถนาสิ่งใด แล้วจึงสอนไปตามความปรารถนาของผู้นั้น
ธรรมชั้นต่ำสุด ผลที่ได้ผู้ทำพึงปรารถนา มนุษย์สมบัติ แลธรรมอันสูงสุด ผู้ทำปรารถนาถึงซึ่งนิพพานสมบัติ
เมื่อความปรารถนาต่างกัน วินัยที่พึงปฏิบัติจึงมากน้อยต่างกัน
หากแต่เราท่าน ปรารถนาแค่มนุษย์สมบัติ คือความไม่มีโรค แต่การปฏิบัติ กระทำตนดั่งเช่น ผู้ปรารถนาซึ่งนิพพานสมบัติแล้วไซร้ ย่อมทำให้ผลแห่งปรารถนาถึงเร็วเป็นธรรมดา
หลวงพ่อนิพนธ์อุปมาเหมือนการปฏิบัติคือการหาเงินนั่นเอง หลักผฏิบัติเบื้องต้นแก่ผู้ปรารถนามนุษย์สมบัติ ย่อมเป็นเรื่องที่ง่าย คนทั่วไปล้วนทำได้ไม่ยากนัก เมื่องานง่ายรายได้ก็น้อย นั่นคือเงินบุญที่พึงได้น้อย
หากแต่เมื่อไปปฏิบัติแนวทางนิพพานสมบัติ ต้องควบคุม กาย วาจา ใจ ทุกชั่วยาม งานมากและยากขึ้น ผลที่ได้เงินบุญจึงมากมายกว่านัก
กระบวนการฟื้นฟูตน สำหรับผู้ที่เข้าขั้นสาหัส ฟมอไม่รับ หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักแนะนำให้ใช้แนวทางนิพพานสมบัติ คือการบวช ทำวินัย ซึ่งจะทำให้มั่นใจได้ว่า มีเงินบุญมากพอในการช่วยตน เรียกว่า สบายใจทั้งคนช่วยและคนถูกช่วยนั่นเอง
คำสอนที่ให้แก่พระ จึงต้องละเอียด เน้นทั้ง กาย วาจา ใจ
คำสอนหนึ่งที่เราได้ฟัง อันเป็นการสอนแก่พระรูปหนึ่งในที่ประชุมสงฆ์ กล่าวถึง ท่าทางในการเดิน ที่แกว่งแขวน โยกไหล่ เนื่องจากความเป็นนักเลงเก่า ครั้งสมัยฆราวาสนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์สอนว่า ต้องปรับเปลี่ยนเพราะดูไม่งาม ทำให้ญาติโยมรู้สึกไม่ดีได้
เรียกว่า การเดินนั้นเป็นเหตุให้ญาติโยมทำบาป เพราะอาจวิพากษ์วิจารณ์ติเตียน หากแต่ผู้ที่ติเตียนเป็นผู้ผฏิบัติ บาปนั้นก็กลายเป็นทวีคูณ
คนที่มาหลายคน สภาพปัญหานั้นเปรียบเหมือนซุงท่อนใหญ่ หากยังทำตนเหมือนคนทั่วไป ย่อมยากจะถึงซึ่งปรารถนาคือหายโรค
คนจำพวกนี้ ณ วันนี้จึงมีโอกาส ที่ทางเลือกในการใช้แนวปฏิบัติแบบหลุดพ้น หรือถึงซึ่งนิพพาน เปิดอีกครั้ง หากไม่คว้าก็น่าเสียดาย คิดจะเอาแบบคนอื่น ทั้งทีาปัญหาตนนั้นสาหัสนัก
สิ่งที่รู้ สิ่งที่ทำ ล้วนแล้วว่าดี แต่ก็พิสูจน์แล้วว่า ช่วยตนไม่ได้ มันดีเพราะนึกไปเอง ลองวางความรู้นั้น แล้วไปเรียนธรรมของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แล้วทำเพื่อช่วยตน
ไม่ใช่ไปลอง สิ่งนี้ผ่านการพิสูจน์มาแล้ว นับแต่ยุคถ้ำกระบอก มาถึงปี30 ที่เปิดอีกครั้ง มีคนมากมายมหาศาลที่ใช้ช่วยตนจนสำเร็จ ไม่ว่าโรคใดๆ สาหัสแค่ไหน ล้วนผ่านมาแล้วทั้งสิ้น
เราจึงถือว่า วันที่ 29 กรกฎาคม เป็นวันมหามงคล เหมือนฟ้าเปิดม่าน ส่วนที่มูลนิธิ นั้นแค่น้ำจิ้ม ทำให้ดูว่าทำได้ แต่จะหวังผลให้ได้ตามเจตนาของศาสนา คือคนดี นั้นยากยิ่ง เพราะปรารถนาของคนส่วนใหญ่ ไม่ไดเข้าถึงธรรมใดๆเลย ติดอยู่กับสมุนไพรอย่างเดียวหมด
ช่างน่าเสียดายนัก มาเจอศาสนา แต่ไม่ได้แก่นธรรมไปนำตนสักนิด ติดอยู่ที่กระพี้คือสมุนไพรเสียหมด เข้าตำรา มีตาหามีแวว จึงมองๆม่เห็น หรือจะเป็นเพราะบุญมี พามาเจอ แต่กรรมมันบังตา บังใจ
ไม่ต้องแปลกใจ ที่ในอนาคต น้ำหนักจะถูกเทไปทางผู้ปฏิบัติเกือบหมด นั่นเพราะหลวงพ่อนิพนธ์ให้ความสำคัญแก่ผู้ที่อยากปฏิบัติ และทำตนเป็นคนดีนั่นเอง