เราฟังเรื่องคนดีจากหลวงพ่อนิพนธ์มาตั้งนาน ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่าคนดีที่คนทั่วไปยกย่องหรือคนที่ทำตนเป็นคนดี คิดว่าตนก็เป็นคนดี กับคนดีของศาสนา มันต่างกันอย่างไร
หลวงพ่อนิพนธ์ เคยหยิบยกครั้งพุทธกาลที่แม่ชี้เมี้ยนเล่ามาให้พิจารณา เมื่อครั้งพระโคดมกำลังทำตนเพื่อที่จะเป็นพระพุทธเจ้า ผ่านไปหลายปี ก็คิดว่าตนของตนดีแล้ว พูดฟังง่ายก็คือน่าจะหมดกิเลสแล้ว หรือสามารถควบคุมกิเลสได้แล้วนั่นเอง จนวันหนึ่งพระโคดมเสด็จผ่านทุ่งนาแห่งหนึ่ง ไปพบเด็กเลี้ยงควายกำลังเลี้ยงควายอยู่
เด็กเลี้ยงควายเห็นพระโคดมแต่งกายประหลาดไม่เคยเห็น จึงคิดว่าเป็นคนบ้า จึงเอาก้อนหินขว้างศรีษะพระโคดม
พระโคดมโดนก้อนหินก็โกรธเด็กเลี้ยงควาย แต่ก็สามารถควบคุมตน จึงเดินหนีไปด้วยอารมณ์โมโหในใจ คิดว่าอยู่ดีๆ มาขว้างศรีษะทำไม
ครั้นเดินไปได้สักประเดี๋ยว ก็คิดขึ้นได้ว่า ตัวท่านเองคิดว่าตนสามารถข่มกิเลสได้แล้วหมดสิ้น แต่พอเจอเด็กเลี้ยงควายกลับเกิดความโกรธขึ้นอย่างง่ายดาย นั่นแท้จริงแล้ว ตนยังไม่ดีพอนั่นเอง
พระโคดมพิจารณาแล้วจึงเดินกลับไปหาเด็กเลี้บงควายเพื่อขอบคุณ ที่ทำให้ตนได้สติ ไม่หลงตนว่าดีแล้ว
ฟังมาหลายครั้งหลายคราก็ยังไม่ซึ้ง ไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงสักที
หลวงพ่อนิพนธ์ก็เล็งเห็นว่าความโกรธมีโทษอันมหาศาล จึงสอนเสมอให้ฝึกละวางความโกรธ มาทุกยุคทุกสมัยโดยเฉพาะลูกศิษย์ที่ติดตามกันมา
เราก็รับมาฝึกด้วยเช่นกัน ก็ฝึกมาหลายปี คิดว่าตนทำได้ในระดับที่น่าพอใจ ถึงจะไม่ทั้งหมดแต่ก็รู้ตัวหยุดตัว หยุดวาจาได้
จวบจนวันก่อน ขับรถไปในพื้นที่ที่เป็นทางร่วม รถวิ่งตามกันช้าๆ เราถึงทางร่วมก่อน ก็มีรถแท๊กซี่ขับตามมาเข้าทางร่วมแล้วชนด้านท้ายของรถเรา
ก็ลงไปดู เพื่อคุยกับแท๊กซี่ ปรากฎว่าฝ่ายตรงข้ามบอกเราผิด เท่านั้นเอง เราก็โมโห เถียงไปพักหนึ่ง แล้วก็เรียกเจ้าหน้าที่ให้ช่วยตัดสิน
ผ่านไปสักพัก ขณะเจ้าหน้าที่กำลังถ่ายรูปเพื่อพิจารณา คำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์เรื่องเด็กเลี้ยงควายก็ผุดขึ้น
เออแหนะ เราบอกว่าฝึกตนตามวินัย แต่พอเจอเหตุจริงๆกลับลืมตน รถวิ่งช้ามากแต่ยังถูกคันอื่นวิ่งมาชน นั่นกรรมของเรา เสียหายแค่รถก็ใช้กรรม ทำไทต้องเสียนิสัย ก่อกรรมด้วยความโกรธอีกเล่า นี่แหละบททดสอบ ผลก็คือ เราที่ฝึกมายังไม่ถึงขั้นคนดีนั่นเอง เพราะควบคุมนิสัยตนไม่ได้
ตั้งสติได้ก็นึกขอบคุณแท๊กซี่ ที่ทำให้รู้ตนว่า หากอยากจะเป็นคนดี ต้องฝึกอีกเยอะ
คำสอนเรื่องเด็กเลี้ยงควายของหลวงพ่อนิพนธ์จึงทำให้เรารู้ว่า เหตุ จะเป็นเครื่องทดสอบว่าเราเป็นคนดีแล้วหรือยัง ไม่ใช่ด้วยคำคนอื่น หรือคิดเอาเอง
ไม่มีเหตุ ก็ไม่มีผล คนดีของศาสนา จึงเป็นเรื่องรู้ได้เฉพาะตน ว่าเมื่อเจอเหตุแล้ว นิสัยอะไรมันโผล่ออกมา
บทสรุป คนดีที่หลวงพ่อนิพนธ์มุ่งสอนให้เราท่านเป็น จึงเป็นคนที่มีนิสัยพระภูมีนำตนเมื่อเจอเหตุนั่นเอง
เมื่อทำจึงรู้ว่ายาก รู้แล้วจึงเมตตาผู้อื่น ให้อภัยผู้อื่น นี่จึงเป็นที่มาของคำกล่าว เมตตาธรรมค้ำจุนโลก เพราะทุกสรรพสิ่งย่อมมีเหตุมาแต่กรรม
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังว่า ผู้ประพฤติธรรมวินัย จึงเสมือนยกใจให้สูง เมื่อใจสูง กายก็จะสูงตาม การทานสมุนไพรให้หายโรค จึงเป็นเรื่องง่าย
จึงไม่แปลกว่าทำไมคนที่ใช้แนวทางการบวชเพื่อฟื้นฟูตน จึงประสพความสำเร็จ แถมยังใช้เวลารวดเร็ว ก็เพราะแก้ที่ต้นเหตุก่อนนั่นคือนิสัย โดยใช้ธรรมวินัย ยกวิญญานของตนให้สูงก่อนนั่นเอง
ขอบคุณคนขับแท๊กซี่ ที่ทำให้เราเข้าใจคำสอนเรื่องเด็กเลี้ยงควาย
คิดจะมาทานสมุนไพรเพื่อยกกาย ในขณะที่ปล่อยวิญญานอยู่ในที่ต่ำ จะไปได้สักกี่น้ำ นี่แลทำไมต้องเปลี่ยนนิสัย