นั่นหมายความว่า หากตนของตนทำได้ กรรมเขาก็เว้นให้
แต่ก็ยังมีช่องโหว่ ช่องเว้น อีกอันหนึ่งที่กรรมเขายอมให้เช่นกัน
ดั่งคำของแม่ชีเมี้ยนที่ตรัส แลเราท่านได้ฟังจากเทปที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมาเปิดให้ฟังในวันงาน นั่นก็คือ อันตัวเราท่านนี้ กระดูกเป็นของพ่อ เลือดเนื้อเป็นของแม่
นี่แลคือช่องโหว่ ช่องเว้น ที่เขาเปิดให้ ทำแทนกันได้
เราท่านจึงเห็น หรือได้ยินเสมอมาว่า คำปรารถนาของพ่อแม่ชาวพุทธ นั่นคือ ได้เห็น ได้เกาะชายผ้าเหลืองของลูก
นั่นหมายความว่า บุญอันใดที่ลูกทำ สามารถอุทิศให้แก่พ่อแม่ได้ เต็มที่ แลกลับกัน สิ่งที่พ่อแม่ทำย่อมส่งให้ลูกได้เช่นกัน
น่าเสียดาย สิ่งที่เราเห็น หลายคนที่มาที่นี่ ก็โยนภาระทิ้งไว้ให้พ่อแม่ ตัวเองก็นิ่งเฉยไม่ทำอันใด
หลวงพ่อนิพนธ์เคยหยิบยกเรื่องราวของแม่คนหนึ่งที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้าย จนถึงขนาดหมอปฏิเสธที่จะให้การรักษา แลตนเองก็ไม่มีฐานะอันใด บากหน้ามาที่นี่ หลวงพ่อนิพนธ์รับไว้ แลกล่าวกับลูกชายว่า ในเมื่อแม่เอ็งทำอะไรไม่ได้ เอ็งก็ทำแทนซิ
ลูกชายของผู้หญิงคนนี้ มาทำหน้าที่แทนแม่ ทำทุกอย่างที่ตัวของเขาทำได้ หนักเอาเบาสู่ ตามที่หลวงพ่อนิพนธ์มอบหมายให้ทำ แม่ของเขาจากสถานะตอนมา ทำอะไรไม่ได้เลย นอนอยู่ที่สวนสมุนไพร ก็เริ่มกลับมาช่วยตนได้ เดินได้
เหล็กกำลังร้อน ไฟกำลังแรง หลวงพ่อนิพนธ์บอกมีแรง ก็เอาแรงต่อแรง สองแรงแข็งขัน ฝ่ายแม่ ก็เริ่มต้นจากถือสายยางรถต้นยา ปัดกวาด ทำความสะอาด ...
ในที่สุด ผู้เป็นแม่ก็ดีวันดีคื่น กลับมาเป็นปกติได้
เราจึงนำมากล่าวซ้ำ ชี้ช่องให้คนที่มีความรักในพ่อแม่ และกตํญญู หรือ คนที่รักลูก เมื่อเสียเวลาพาคนที่รักมา ... อย่าปล่อยเวลาของตนให้เสียเปล่า ทำตนให้สุขแก่ผู้อื่น แล้วส่งให้คนที่เราท่านรักได้ ช่วยอีกแรง ...
หลักของศาสน์ บุญไม่ได้มีไว้ขอ .. หากอยากได้ต้องทำเอา ทำแล้ว เป็นของเราท่านแล้ว ที่นี้ศาสน์เขาจะสอนให้อธิษฐาน อยากส่งให้ใคร ... หากขอให้หายแต่ไม่ทำ ... ขอไปเถอะ ไม่มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ใดช่วยหรอก
ภาพที่เห็นบ่อยๆ เมื่อครั้งหลวงพ่อนิพนธ์เปิดสำนัก และจัดให้มีพระ นั่นคือ การที่ลูกของคนป่วยมาบวชเพื่ออุทิศบุญให้แก่พ่อแม่
มาวันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์เปิดให้มีพระอีกครั้ง ... เราจึงชี้ช่องทางบุญอันนี้ เผื่อมีใครอยากลอง ทำให้พ่อแม่ ... แล้วจะรู้ว่า การบวชแลดำรงตนตามวินัยของพระพุทธศาสนา ผลบุญมันแรงขนาดไหน
แลภาพในอดีตที่เราเคยเห็น ก็จะย้อนมาให้ท่านเห็นอีกครั้ง นั่นคือ พ่อแม่มาใส่บาตร แลพระลูกชายก็ฉัน แล้วเอาแรงไปทำความดีตามวินัยของพระพุทธเจ้า ... ทำสมุนไพรมาให้โยมพ่อโยมแม่ทาน ... ต่างฝ่ายต่างเป็นสุข
พระได้เห็นโยมดีวันดีคืน พ่อแม่ได้เห็นลูกกระทำตนเป็นตัวแทนพระพุทธศาสนาที่แท้จริง เป็นพระที่สมควรกราบไหว้
คุยได้เต็มปาก ลูกฉันเป็นขันติสงฆ์ของพระพุทธเจ้า ไม่ใช่พวกอ้างศาสนามาหากิน ... มองไปในย่าม ก็ไม่มีเงินสักเก๊ .. ฉันมื้อเดียว ไม่เบียดเบียนผู้อื่นจนเกินไป ไปไหนก็เดิน ไม่ขึ้นรถ ลงเรือง ไม่สนองกิเลสแห่งตน ... ท่านเป็นสัญญลักษณ์แห่งพระพุทธกาลของพระพุทธเจ้า เป็นสัญญลักษณ์แห่งบุญ เพราะมีความสุขสงบ