กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ที่มนุษย์คิดค้นขึ้นมาได้ ถูกกล่าวขานว่า เป็นวิทยาการที่ล้ำยุคนำสมัย เป็นเทคโนโลยีที่น่าทึ่ง
หากแต่เมื่อเปรียบกับกระบวนการธรรมชาติแล้วไซร้ นับว่าล้าหลังอีกไกล เพราะธรรมชาติรู้จักวิธีการดังกล่าวมาตั้งแต่เริ่มมีมนุษย์แล้ว
ตัวอย่างที่ อ.อร่าม มักยกมาให้ฟัง อาทิเช่น การค้นคิดของนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมัน ในการใช้แรงดันมหาศาล เพื่อขับดันอณูของน้ำ แล้วใช้ในการตัดเหล็กหรือวัสดุในภาคอุตสาหกรรม
กระบวนการดังกล่าว ร่างกายก็ได้ใช้ในการศัลยกรรมส่วนที่เป็นปัญหาของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการแยกเซลล์ดีกับเซลร้ายออก หรือแม้นกระทั่งการไล่ไขมันที่อุดตันในหลอดเลือดและอวัยวะต่างๆออกไป
ภาพที่กล่าวนี้ ทำให้เราท่านได้รู้ว่า ความดันเป็นสิ่งจำเป็น ร่างกายต้องสร้างขึ้นเป็นครั้งคราว ใช้ทั้งในการตรวจสอบ และซ่อมแซมฟื้นฟูระบบ
การทานยาควบคุมความดัน จึงเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะวันใดที่ยาควบคุมความดันเอาไม่อยู่ นั่นหมายถึง อัมพฤกษ์ อัมพาต รออยู่ ... เห็นได้ชัดว่า เป็นทั้งๆ ที่ทานยาควบคุมนั่นแล เพราะร่างกายไม่สามารถตรวจพบจุดที่เป็นปัญหา แล้วซ่อมแซมได้
แลร่างกายก็ยังมีระบบการลดความดันเมื่อใช้เสร็จ ดั่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า เมื่อเราปัสสาวะจะเกิดฟองขึ้นนั่นเอง
กรรมวิธีทางอุตสาหกรรมที่ใช้ในการตรวจอายุการใช้งานของผลิตภัณฑ์ ด้วยการนำไปใส่ในตู้อบที่อุณหภูมิสูง เพื่อเร่งอายุ ในการใช้งาน ร่างกายก็มีใช้เช่นกัน
หากแต่วงการแพทย์ แม้นรู้ว่าความร้อนจะให้ผล แต่ก็ไม่มีวิธี ดังนั้น จึงต้องอาศัยการฉายรังสี เพื่อให้ความร้อนแทน จึงหลีกเลี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียงไม่ได้
แต่ร่างกายคน เมื่อได้รับสมุนไพรธาตุไฟ เช่น สมุนไพรมะพร้าว สมุนไพรมะกรูด ... ที่ซึ่งให้ไฟธาตุที่สูง และไม่เกิดผลข้างเคียงที่ทำร้ายร่างกาย จะมีก็แต่อาการร้อนจนผู้ทาน อยู่ไม่เป็นสุข อาจนอนไม่หลับ หรือแม้นกระทั่งร้อนใน
นี่คือการเร่งโรคแก่โดยวิธีธรรมชาติ พิจารณาดูว่า ขนาดมนุษย์ที่ตัวใหญ่ยังร้อนจนอยู่ไม่สุข แล้วเชื้อที่อยู่ใกล้กับแหล่งไฟธาตุ จะร้อนรนกว่าเราท่านสักฉันใด
เคล็ดที่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวเสมอในการใช้สมุนไพร นั่นคือ ทำให้โรคมันตายก่อน โดยเราท่านยังอยู่ ...
เรียกได้ว่าวัดความอึดระหว่างโรคที่มาอาศัย กับเจ้าของร่างที่โรคอาศัยนั่นเอง ... ใครอึดกว่าชนะ
กระบวนการของร่างกาย ละเอียดอ่อน ซับซ้อน ลึกซึ้ง กว่าองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์มากมายมหาศาล
เพียงแค่อาศัยอสุจิหนึ่งตัว กับไข่ เมื่อได้อาหาร ก็สามารถสร้างเป็นมนุษย์ได้ ...
นั่นคือ ความเชี่ยวชาญ แม่นยำ และมาตรฐาน ... ก็แล้วทำไมเราไม่เชื่อตัวเรา วางใจในตัวเรา เพราะเป็นหมอที่รู้ดีที่สุดว่า ปัญหาอยู่ตรงไหน ขอเพียงแค่ส่งวัตถุดิบ คือสมุนไพร และอาหารให้ รอวันเวลา ใช้ขันติ อดทน ... กลับไปเชื่อวิทยาการที่กล่าวอ้างว่าสุดล้ำ ... แค่เลือดมันยังทำไม่ได้เลย อย่าว่าแต่อวัยวะเลย
หันกลับมาเชื่อพระภูมี ... เรื่องของชีวิต ย้ำ ... ชีวิต .. ไม่มีอื่นใดพึ่งได้ นอกจากตนของตน เท่านั้นแล ... ชีวิตกับท้อง ธรรมชาติเขาผูกติดกันมา ... นี่แหละประตูธรรมชาติ อย่าปีนรั้ว ...
แค่วิตามินซี ม็ด กับทานผลไม้ .. ก็น่าจะบอกอะไรได้แล้ว ... กินเป็นเม็ดมากๆ ได้ไหม จะสู้วิตามินซีที่ท้องย่อยเองได้หรือ