วันงานรำลึกคุณแม่ชีเมี้ยนปีนี้ เราท่านจะได้ยินได้ฟังภาษาต่างดาว ที่ไม่เคยได้ยินได้ฟังจากที่ไหนมาก่อน
เริ่มจากบทสวดมนต์ ที่เราท่านไม่เคยได้ยินจากที่ได้มาก่อน ซึ่งนอกจากบทสวดมนต์ที่สวดกันเป็นประจำสองบทแล้ว ปีนี้ได้มีโอกาส ได้ยินบทสวดมนต์ของอดีตพระถ้ำกระบอก ที่แม่ชีเมี้ยน เป็นผู้บอกให้พระจด แล้วใช้สวดกัน
หลวงพ่อนิพนธ์ นำมาให้พระใช้สวด จำนวน ๑๙ บท จากบทสวดมนต์ทั้งหมดกว่า สามร้อยบท
ดูน่าอัศจรรย์ สำหรับลูกชาวนา ที่ไม่เคยเรียนหนังสือ ไม่เคยไปโรงเรียน อ่านเขียนไม่ได้
หากแต่ใครทีอาจตั้งใจฟังเป็นพิเศษตอนพระสวดมนต์ ก่อนจะสวดมนต์ ท่านแต่ละองค์จะท่องบทสวดมนต์เฉพาะตน ซึ่งเรียกว่า "บทสำรวม"
จักเห็นได้ว่า แต่ละองค์ท่องเฉพาะตน บทสำรวมนี้ยิ่งน่าอัศจรรย์ไปยิ่งกว่า เพราะ มีทุกภาษา ไม่ว่า จีน ไทย พม่า อังกฤษ ... ตามแต่แม่ชีเมี้ยนจะเห็นสมควรแกพระรูปนั้นๆ ในยุคถ้ำกระบอก
อดีตมีพระคนไทย ที่เรียนจบได้อันดับสองของประเทศฮอลแลนด์ ในสาขาที่เรียน แล้วมีโอกาสได้มาบวช หลวงพ่อนิพนธ์ให้บทสำรวมภาษาอังกฤษแก่ท่าน ... สร้างความทึ่งให้แก่พระรูปนั้น รำพึงว่าแม่ชีเมี้ยนแต่งได้อย่างไร
และที่โชคดีสำหรับผู้มางาน หลวงพ่อนิพนธ์ได้เลือกคำสอนของแม่ชีเมี้ยน มาให้ฟัง และเป็นหนึ่งในคำสอนที่เป็นประโยชน์ยิ่ง
เราจึงอยากตอกย้ำคำสอนที่ได้ฟังอีกครั้ง ที่ทรงตรัสว่า ... เมื่อเราท่านได้มาพานพบศาสนา ก็ต้องลดกิริยาลง เป็นบางสิ่งบางอย่าง
ศาสน์ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ... นำมาทำไม นำมาสอนสัตว์ ให้เป็นมนุษย์ สอนมนุษย์ให้เป็นสงฆ์ สอนสงฆ์ให้เป็นอรหันต์
ก็แล้ว ความเป็นสัตว์ มนุษย์ สงฆ์ แลอรหันต์ .. นั้นแยกกันตรงไหน ก็ตรงนิสัยนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า กรรมมันจำนิสัย ... และผลแห่งการกระทำ อันเมื่อทำแล้วก็จักเป็นตัวกระทำ ที่แม่ชีเมี้ยนทรงย้ำว่า ไม่ตายเลย กรรมหรือตัวกระทำนี้แหละเป็นตัวนำเกิด ...
อยากเป็นแบบไหน ... ก็อาศัยสัจจธรรมที่แม่ชีเมี้ยนทรงนำมา มานำตน แล้วเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนพฤติกรรมของตน พัฒนาตน ให้พ้นจากสัตว์ ไปเป็นมนุษย์ จากมนุษย์ไปเป็นสงฆ์ หากทำได้บริสุทธิ์ หมดกิเลส ก็จักเป็นอรหันต์
และบทส่งท้าย ที่เราท่านได้ยินได้ฟัง นั่นคือ คำสอนของแม่ชีเมี้ยน ที่แยกย่อยธรรม กรรมของสัตว์โลก มาให้ฟังและพิจารณา จากบทสวดสังคหะที่พระได้สวดให้ฟัง
เราท่านจึงได้พอรู้ว่า กรรมอะไรทำให้เราท่านต้องไปเกิดเป็นกิ้งก่า กรรมอันใดทำให้เป็นตะขาบ .. แล้วนิสัยพฤติกรรมอันใดที่จะทำให้เราท่านเดินผ่านกรรมอันนั้นได้ ...
เราจึงอยากย้ำท่อนสุดท้ายในการแยกธรรมหมวดนี้ของแม่ชีเมี้ยนที่ทรงตรัสถึง คำรำพึงรำพันของพ่อแม่เราท่านที่ได้ตายไป แล้วตกอยู่ในกรรม ก็อยากที่จะร้องบอกลูกหลาน ว่าการกระทำที่ผิด จักเกิดทุกขเวทนาแสนสาหัส .. ไม่อยากให้เดินตาม ... และร้องเติอนว่า "อย่าทำชั่ว"
หลักของแม่ชีเมี้ยน ที่ทรงชี้ว่า ทางที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงใช้ ไม่ใช่ศีล หากแต่เป็นสัจจะ ที่ใช้เป็นวินัยบังคับตน บังคับนิสัยและพฤติกรรมแห่งตน
คุณดาก็ได้ประกาศให้ฟังแล้วว่า ด้วยความเมตตาที่หลวงพ่อนิพนธ์มีให้แก่เราท่าน ท่านจึงใช้บุญของท่านเป็นหลักในการช่วย ทำให้สมุนไพรมีอำนาจ เมื่อเปิดโครงการมะเร็งแลอัมพฤกต์เต็มตัว ยิ่งต้องใช้บุญมาก จึงไม่เหลือมาช่วยตน เมื่อกรรมของท่านอาศัยจังหวะนี้มายังท่าน จึงไม่มีบุญมาช่วยตน
ณ.วันนี้ หลวงพ่อนิพนธ์คงทำเช่นเดิมไม่ได้ ต้องเก็บบุญของท่านมาช่วยตนก่อน นั่นหมายความว่า ต่อแต่นี้ สมุนไพรที่เราท่านทาน นอกจากฤทธิ์ที่แม่ชีเมี้ยนให้ ก็ต้องพึ่งพาบุญของตนที่ทำเอง เพื่อเสริมฤทธิ์สมุนไพร
หลวงพ่อนิพนธ์จึงให้เราท่าน ทำสัจจะ ๒ ข้อ ในวันที่มา นั่นคือ ข้อไม่โกรธ และ ไม่ติเตียนผู้อื่น วันละสองชั่วโมง
อ.อร่าม จึงสรุปให้ฟังว่า นับจากนี้ไป คนป่วยจะแยกออกเป็นสองพวกอย่างเด่นชัด จากการกระทำของตนนั่นเอง ว่ามีบุญไปช่วยตนหรือไม่ คนที่ทำสัจจะได้ ตามคำของหลวงพ่อนิพนธ์ ผลก็จักเกิดมหาศาล อาการของตนก็ฟื้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่คนที่ไม่ทำ อาศัยการทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว ซึ่งตอนนี้ไม่มีบุญของหลวงพ่อนิพนธ์สนับสนุน เหลือแต่ฤทธิ์ของสมุนไพรเพียงอย่างเดียว .. อย่างดีก็คงจะได้แค่ทรง หรือยืดไประยะหนึ่ง ...
นี่คือสัญญาณ ... ที่แม่ชีเมี้ยน ทรงบอกให้ทราบแล้วว่า นับแต่นี้ ... ใครก็ช่วยใครไม่ได้ ... นอกจากตนของตน ... จึงเป็นการก้าวเข้าสู่ หลักตนพึ่งตน ของพระภูม่ีเต็มตัวแล้ว นับจากนี้