ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอังคารที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557
แก่นหรือเปลือก
เรื่องเล่าครั้งถ้ำกระบอก เป็นเรื่องราวที่เป็นพงศาวดารที่ทำให้เราท่านเมื่อได้ฟัง ได้เรียนรู้ข้อผิดพลาด เพื่อที่จะได้ไม่ผิดอีก
ความตอนหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักยกมาเป็นอุทาหรณ์ให้เราท่านฟังเสมอ นั่นคือ การจดบันทึกตำราสมุนไพรของท่านจำรูญ จนเต็มตู้
ดังนั้น คำถามที่คาใจหลวงพ่อนิพนธ์จนอดไม่ได้ที่จะต้องถามแม่ชีเมี้ยน เมื่อท่านจำรูญเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยน ไม่ทำตามสัญญา แล้วสั่งให้หลวงพ่อนิพนธ์สึก พร้อมกับนำตำราออกจากถ้ำกระบอกไป นั่นคือ ก็ตำรายาของแม่ คนรู้มีมากมาย ทั้งพระ ทั้งฆราวาส ที่มาช่วยกันทำ คนเหล่านั้นก็สามารถแตกออกไป แล้วนำตำราของท่านไปทำได้เช่นกันมิใช่หรือ
คำตอบที่ทำให้หลวงพ่อนิพนธ์สบายใจ นั่นคือ สมุนไพรของฟ้าดิน หาใช่อยู่ที่สูตรไม่ แม้นจักเลียนสูตรกันได้ ทำเหมือนกัน หากแต่ผลที่ได้ก็ต่างกัน เพราะหัวใจของสมุนไพร อยู่ที่ "สัญญา" นั่นคือ "การทำให้"
ด้วยเหตุที่ผู้ทำ ต้องรักษาสัญญานี้เอง ผู้ทำจึงต้องมีคุณสมบัติที่จะต้องควบคุมจิตใจของตนให้ได้ ไม่ให้เกิดความโลภ ดังนั้น สมุนไพรของพระภูมี จึงหาคนทำแล้วมีฤทธิ์ ยาก เพราะคนทั่วไป หาได้มีจุดมุ่งหมายนี้ไม่
ภาพกาลต่อมา จึงเห็นได้ชัดในคำกล่าวนี้ ที่พระ ๗ สำนัก ที่แตกออกมา จึงไม่ประสพผลในการทำสมุนไพร และท้ายที่สุด เจ้าอาวาสทุกคน ก็ล้วนแล้วแต่ตายด้วยโรคกันทั้งหมด เพราะหาใครดำรงจุดมุ่งหมายไว้ไม่
เฉกเช่นเดียวกัน การหายโรค ผู้ทานสมุนไพรจึงต้องมีคุณสมบัติ จะเอาแต่ทานสมุนไพรอย่างเดียวแล้วหายโรค เป็นไปได้ยาก เพราะพระภูมีทรงบัญญัติธรรมหมวดสมุนไพร ก็ย่อมมีจุดมุ่งหมาย จะเรียกว่า หมูไปไก่มา ก็ว่าได้ นั่นคือ หากผู้ทานจะได้ซึ่งความไม่มีโรค ก็ต้องสร้างคุณสมบัติเป็นคนดี ตามบัญญัติ หรือจุดมุ่งหมายของพระภูมีให้ได้เช่นกัน
เพราะเหตุที่เราท่าน ไม่ว่าคนทำ คนทาน กำลังเผชิญ หรือ คู่ต่อสู้ที่แท้จริง นั่นคือ เวรกรรม ที่ใช้โรคเป็นเครื่องมือ บัญญัติธรรม จึงถูกนำมาใช้ แล้วมีสมุนไพรเป็นเครื่องมือ
หลวงพ่อนิพนธ์ขยายความให้ฟังว่่า แก่นของเรื่อง จึงเป็นเรื่องของอำนาจ ด้วยนิสัย สันดาน เป็นคุณสมบัติ ก่อให้เกิดอำนาจกรรม ทำให้เกิดโรค หนทางคำสอนของพระภูมี จึงใช้ธรรมบัญญัติ ให้สร้างนิสัยธรรม เป็นคุณสมบัติ ก่อให้เกิดอำนาจธรรม หรือที่เรียกว่า บุญ ไปหักล้างกรรม แล้วใช้สมุนไพรล้างโรค
แก่นของเรื่อง อันเป็นสาเหตุที่เราท่าน ต้องมาฟัง คือเรื่องของกรรม ว่ามันเกิดโดยวิธีใด แล้วการสร้างคุณสมบัติ ตามธรรมบัญญัติ ที่จำเป็นในการช่วยตน มีอะไรบ้าง ทำอย่างไร
ตามท้องเรื่อง วัตถุดิบสำคัญ จึงมีเพียงอย่างเดียว ที่เหมือนกันทุกตัวคน นั่นคือ "นิสัย" ที่จะเป็นตัวชี้วัดว่า ผลแห่งการช่วยตนจักสำเร็จหรือไม่
หลายคนจึงอาจหลงทาง คิดไปเองว่า ต้องมีเงิน ต้องบริจาคเยอะๆ แล้วจะได้บุญเยอะๆ เมื่อเราท่านเสียเงินแล้ว บริจาคเยอะๆแล้ว สิ่งที่เป็นอยู่ก็จะหายอย่างแน่นอน เพราะจะได้สมุนไพรไปทานเยอะๆ ...
นั่นคือความคิดที่ผิดมหันต์ ก่อให้เกิดความประมาท เพราะหาใช่คุณสมบัติตามธรรมบัญญัติไม่
อุปมาความตอนหนึ่งที่อรรถาธิบาย ผลแห่งการใส่บาตร ที่พระพุทธเจ้าตรัสแก่สองตายายที่ใส่บาตรพระองค์ทุกวัน หากแต่ก็มีเรื่องทะเลากันทุกวัน ที่ตรัสว่า ข้าวปลาที่ใส่บาตร ก็ระงับความทุกข์ของท่านได้วันหนึ่ง ก็หมดสิ้น แล้วก็หิวอีก ผลแห่งข้าวปลานั้นก็หมดไป หากแต่ถ้าโยมใส่นิสัยลงในบาตร ผลแห่งนิสัยนั้น ก่อให้เกิดสุขแก่ผู้อื่น ทุกเมื่อ ไม่รู้จักหมดสิ้น เป็นที่พึ่งได้
การให้ จึงเป็นคุณสมบัติเพื่อให้เราพึ่งตนเอง ไม่เป็นหนี้ผู้อื่น ทั้งนี้อาจจะโดยเจตนาหรือไม่เจตนา เช่น เราท่านไปนั่งศาลา เข้าห้องน้ำ โดยที่ไม่ได้มีน้ำเหงื่อน้ำแรงของตนเลย ก็เป็นหนี้เขา เราท่านจึงถูกสอนที่จะให้ มะพร้าว แก่ผู้อื่นทาน คืนกลับไปเช่นเดียวกัน จักได้ไม่เป็นหนี้กัน
เคล็ดของศาสนา จึงอยู่ที่การให้ไม่หวังผล จึงไม่คิดเป็นมูลค่า ต่างฝ่ายต่างให้สิ่งที่ตนมีตามอัตภาพ ก็ถือว่าเจ๊ากัน ไม่มีเวรต่อกัน
ศาสน์จึงสอนว่า เผื่อเหลือเผื่อขาด เป็นฝายให้ดีกว่า แล้วก็อุทิศที่เหลือเป็นทาน ด้วยประการฉะนี้
หากแต่เอาเป็นหลักไม่ได้ เพราะมีวันเวลาหมด จึงเสมือนไม้ดาม ถึงเวลาก็ผุกร่อนไปตามวันเวลา ใช้ชั่วคราวได้ ไม่ใช่แก่น สิ่งที่เป็นแก่นแท้ ทุกคนมี แลเสมอภาค นั่นคือ นิสัย ... นั่นจึงเป็นเหตุที่กล่าวว่า เรื่องของศาสน์ ทุกคนเหมือนกัน ไม่ว่าใคร เท่ากันหมด
สมุนไพรจึงเหมือนเชื้อไฟ หากแต่คุณสมบัติ คือ ศักยภาพ ที่จะบ่งบอกว่า ผลแห่งการทานสมุนไพรนั้น จะมากน้อยเพียงใด
หลักปราชญ์ สอนให้คนฉลาด คนฉลาดเมื่อได้ฟัง นำไปพิจารณา แล้วทำ ให้ผลเกิด ...
ทำไมเวลาเข้าฟัง เข้าสวดมนต์ จึงต้องใช้เวลานาน ก็เพราะแต่ละคน มีความสามารถไม่เท่ากัน เวลาที่เนิ่นนาน จึงทำให้คนที่สมาธิสั้น หรือ กรรมบันดาล ให้ง่วงเหงา หาวนอน มีโอกาสบ้าง นั่นคือ อาจจะมีสักช่วงหนึ่ง ที่อำนาจของสามัคคีธรรม เปิดช่องว่างให้คนเหล่านั้น มีสมาธิ ตั้งใจฟัง จับใจความได้ นำไปพิจารณา แล้วทำ นั่นเอง
การฟัง จึงมีความสำคัญ เพราะเป็นเหตุแห่งการสร้างคุณสมบัติตามธรรมบัญญัติ ดังนั้น ไม่ฟัง ไม่ได้ และไม่มีทางเลยที่จะประสพผลจากการทานสมุนไพร โดยไม่สร้างคุณสมบัติ
บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น นั่นคือ สูตรสมุนไพร ของที่นี่ และถ้ำกระบอก รวมทั้งพระ ๗ สำนักที่แตกตัวออกไป เหมือนกัน มาจากอาจารย์คนเดียวกัน แต่ผลที่ได้ มันต่างกัน นั่นเอง
สมุนไพร จึงเหมือนเหยื่อที่ล่อคน มาศึกษา แล้วพิจารณา แล้วทำ ตามธรรมบัญญัติ เพื่อสร้างความปลอดภัย ของวิญญาณ เป็นแก่นสารของชีวิต มีสมุนไพรแถมให้ ผลแห่งการทำได้ จึงได้ความไม่มีโรค เป็นของแถมนั่นเอง
ผลแห่งการมาเรียนธรรมบัญญัติ ผู้ทำได้ คือผู้บรรลุจุดมุ่งหมายของพระพุทธเจ้า นั่นคือ การเป็นคนดี ที่กลัวกรรม ประกาศนียบัตรที่ประจักษ์ นั่นคือ ความไม่มีโรคนั่นเอง
ด้วยความจริงนี้เอง ทำให้เราท่านเข้าใจได้ว่า ทำไมโลกนี้จึงไม่มียารักษาโรค (หมายถึงโรคพัก หรือโรคที่ทำให้ตาย) ก็เพราะถ้ามันมี หมายถึง มันชนะกรรมได้ ... โลกนี้ก็ไม่ต้องมีพระพุทธเจ้า และไม่จำเป็นต้องเป็นคนดีแล้วนั่นเอง
เราจึงเชิญชวน ไหนๆก็มาแล้ว ไม่ว่าด้วยเหตุอันใด ... เรียนให้ถึงแก่น ตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่า สิ่งที่ตนทำในอดีต ที่คิดว่ามันถูก แต่มันเกิดผลผิดกับตนเพราะเหตุใด แล้วจักแก้โดยวิธีใด
วันใดที่แก้ได้ ความรู้ที่ได้ นั่นแลความรู้ปราชญ์ ช่วยตนได้ จงภูมิใจเถิด เพราะคนทั้งโลกไม่มี ไม่รู้ ไม่ว่าด๊อกเตอร์ หรือ ที่คุยโม้ว่าไอคิวสูง คนเหล่านั้น แค่ปวดหัว ตัวร้อน แสบท้อง ก็วิ่งไปหาคนอื่นช่วยแล้ว จะเรียกว่าฉลาดได้อย่างไร เพราะความรู้ที่ว่ามีมาก ความฉลาดที่ว่าเหนือใคร ช่วยตนไม่ได้เลย
แลความรู้ที่ได้นี้ เป็นความรู้ที่ถูก ผลถูกจึงเกิดกับตน จึงเรียกธรรมบัญญัติว่า เป็นธรรมที่รู้ได้เฉพาะตน เมื่อนำไปสอนลูกหลาน ก็ไม่ต้องกลัวว่ามันผิด หรือให้โทษ อย่างแน่นอน
หลายคนที่คิด มาที่นี่ มาแอบทำตนเป็นจิตอาสา เพื่อเรียนรู้สูตรสมุนไพร ก็เลิกซะเถอะ ... เสียเวลาเปล่า ถ้ำกระบอกเขากอดตำราเต็มตู้ ของจริงทั้งนั้น ต้นตำรับอีกต่างหาก ยังเสร็จเลย
การฟัง จึงมีความสำคัญมาก ความสงบ จากการใช้สติควบคุมตน จึงมีผลอันมหาศาล ก่อให้เกิดสามัคคีธรรม ทำให้ผู้อื่นมีโอกาส อันหมายความว่า ความสงบที่เกิดนี้ให้ชีวิตคนได้ ในทางกลับกัน การคุย ก็ทำให้โอกาสของผู้อื่นหมดไป เพราะไม่ได้ยิน ไม่มีสมาธิ ก็เหมือนกับเจตนาฆ่าผู้อื่น จะปฏิเสธสักฉันใดก็หาพ้นไม่ .....
ความสงบจึงเป็นเอกลักษณ์ ของความเมตตา ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น ผลแห่งความสงบจึงมหาศาล หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกเสมอว่า นี่แหละที่กรรมมันกลัว แล้วทำไมต้องให้ทำ
นี่จึงเป็นเหตุที่ว่า คนที่คุย จึงเป็นกลุ่มคนที่ไม่กลัวกรรม เมื่อเป็นเช่นนั้น คนเหล่านี้ ก็ปราศจากเกราะของธรรมคุ้มครอง พร้อมจะเกิดอะไรขึ้นก็ได้ เฉพาะกรรมของตนก็มากโข ยังมาสร้างกรรมฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาอีก จึงไม่ต้องแปลกใจ เจ้าหน้าที่ที่เขาเรียนรู้ จะกลัวคนเหล่านี้มาก เพราะหากเป็นอะไรขึ้นมา คนไม่รู้ก็จิตตก แต่ใครจะรู้ว่า คนเหล่านั้น เขาไม่กลัวกรรม แถมยังมีพฤติกรรมเย้ยธรรมอีกต่างหาก ... อะไรจะเหลือ เรียกว่า พร้อมน็อคได้ทุกเวลานั่นเอง .... หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักกล่าวว่า ... แน่มาจากไหน ที่ท้ากรรมท้าเวร ยังไม่พอ มาเย้ยธรรมอีก ... นี่แหละพวกเทวทัต ใครไม่กลัว แต่เจ้าหน้าที่เขากลัว ... เมื่อไม่ชอบ ไม่อยากทำ ... กรุณาเชิญที่อื่น ที่นี่ไม่ได้บังคับให้มา
ระหว่างที่ยังช่วยตนไม่ได้ นั่นคือสร้างคุณสมบัติไม่ได้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนให้สร้างไม้ดาม ไม่ว่าจิตอาสา หรือ ที่ให้ผลมหาศาล นั่นคือ การไปเทปูน เพราะอย่างน้อย คนที่มาใช้ก็มากมาย กว่าศาลาจะผุพัง ก็นานพอที่เราท่านจะสร้างคุณสมบัติได้ ... ฟังแล้วพิจารณา ... หากเชื่อ ก็ทำตาม แล้วพิสูจน์กันด้วยผลแห่งการกระทำ