วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เล่าเรื่องอดีต

ประวัติศาสตร์ จะมีประโยชน์ก็ต่อเมื่อมีคนศึกษาแล้วใช้เป็นเครื่องเตือนตน ยิ่งประวัติศาสตร์ที่เป็นความผิดพลาดด้วยแล้ว ยิ่งต้องใช้เป็นเครื่องเตือนสติ มิให้ผิดพลาดเช่นนั้นอีก

หลวงพ่อนิพนธ์ จึงมักกล่าวย้ำอดีตความล่มสลายของถ้ำกระบอก ให้เราท่านเป็นเครื่องเตือนใจ ถึงความผิดพลาด ไม่ว่าพฤติกรรมของพระ หรือญาติโยม เสมอๆ เพื่อให้สถานที่นี้ ไม่เป็นเช่นอดีต

นิยายถ้ำกระบอกจึงเป็นเรื่องที่เราฟังไม่รู้เบื่อ ทั้งยังเป็นเสมือนเครื่องเตือนภัย ให้ระวังตนอยู่เสมอ

เข้าพรรษานี้ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ได้หยิบยกเรื่องราวของพระในอดีตมาให้ฟังว่า ในครั้งนั้น มีพระรูปหนึ่ง เมื่อมาบวชที่ถ้ำกระบอก ด้วยความที่ชอบและเชื่อในการนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ว่าเป็นบุญ ดังนั้น ทุกวันหลังจากฉันเสร็จ ก็จะไปที่่ถ้ำด้านหลังของวัด เพื่อนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ตามที่ตนชอบ

ทำเช่นนี้เรื่อยมา จนแม่ชีเมี้ยนเอ่ยปากกับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ธรรมของท่านไม่สามารถโปรดพระรูปนี้ได้ ต้องอาศัยกรรมของเขาโปรดเอง

ความหมายของคำกล่าวนี้ ก็ยังเป็นที่สงสัยแก่หลวงพ่อนิพนธ์ว่าเป็นเช่นไร

จนกระทั่งพระรูปนั้น มีอาการปวดท้อง แต่ก็ยังมุ่งมั่นในการนั่งวิป้สสนากรรมฐานอย่างเคร่งครัด

ผ่านไปหกวัน อาการปวดท้องรุนแรงขึ้น จนไม่สามารถนั่งได้ จึงจำต้องหยุดวิปัสสนากรรมฐานของตน แล้วเรียนแม่ชีเมี้ยนปรึกษาอาการของตน

แม่ชีเมี้ยนไม่ได้ว่ากล่าวอันใด เพียงแต่ตรัสว่าในเมื่อท่านไม่สามารถนั่งวิปัสสนากรรมฐานได้ เวลาว่างหลังการฉัน ท่านก็ไม่นั่งตำสมุนไพร จัดสมุนไพรให้คนป่วยทาน

เพียงสองวันอาการปวดท้องอย่างรุนแรงที่เป็นอยู่ ก็หายเป็นปลิดทิ้ง

พระรูปนั้นจึงเรียนถามแม่ชีเมี้ยนว่า เหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น

คำตอบที่ได้รับคือ การไปนั่งเช่นนั้น ไม่มีประโยชน์กับสรรพสัตว์ ไม่ได้ให้สุขแก่ผู้อื่น แล้วจะมีบุญย้อนกลับมาเลี้ยงตนได้เช่นไร พฤติกรรมเช่นนั้น เรียกว่าพวกเห็นแก่ตัว เอาตัวรอด ไม่เป็นบุญ จึงยกอดีตพุทธกาลให้เห็นว่า ฤาษีหลายตน เคร่งกว่าพระโคดมเสียอีก นั่งบำเพ็ญเพียรได้เป็นวันๆ โดยไม่ทานอาหารเลย แต่ฤาษีเหล่านั้น ไม่มีบุญ พาไปนิพพานได้แม้นแต่ตนเดียว

นี่จึงเป็นนิยาย การใช้กรรมโปรด ที่หลวงพ่อนิพนธ์เล่าให้ฟัง

คนที่มาหลายคน ก็เฉกเช่นเดียวกัน มีความเชื่อ มีลัทธิ มีเจ้าพ่อ เจ้าแม่ที่ตนนับถือ กันแทบทุกคน ล้วนแล้วแต่ศิษย์มีครูมีอาจารย์ และยึดมันในสิ่งเหล่านั้น ว่าสิ่งที่ตนยึดเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์เสมอมา

หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า ความเชื่อนี้หยั่งลึกยากที่จะถอน จนกว่าจะได้พบสัจจะธรรมความเป็นจริง ด้วยแว่นส่องจักรวาล นั่นคือ เมื่อกรรมมาถึง ดลบันดาลให้เป็นโรค แล้วเอาตัวเร่ไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนเชื่อ ตนนับถือ ท้ายที่สุดแล้วก็จะพบสัจจะธรรมความเป็นจริง ว่าสิ่งนั้นไม่มีตัวตน ช่วยตนของตนไม่ได้เลย แม้กระทั่งเทพเจ้าที่มาแรงนั่นคือหมอและยาเคมี ก็ทำลายความหวังของตนจนหมดสิ้น

กรรมโปรดนี่แหละ ทำให้เราท่านมีโอกาสได้เวียนมาพบธรรม พบพระพุทธเจ้า พบแม่ชีเมี้ยน แล้วเรียนรู้ เพื่อเอาไปช่วยตน

มันคือบทพิสูจน์ว่า อำนาจที่แท้จริงในโลก หรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในโลก มีเพียงสองสิ่งเท่านั้น ที่เป็นอำนาจตามธรรมชาติ มีคู่มากับโลก นั่นคือ อำนาจธรรม และ อำนาจกรรมเท่านั้น

คำตอบง่ายๆ ที่ทำไมโลกนี้ไม่มีผู้ใดเอาชนะโรคได้ ก็เพราะในโลกนี้ไม่มีใครรู้เรื่องกรรมนั่นเอง ผู่้เดียวที่เอาชนะได้ คือพระพุทธเจ้า ผู้ซึ่งตรัสรู้ความจริงของธรรมชาติ จึงเป็นผู้เดียวที่รู้เรื่องกรรม และเรื่องธรรม ที่จะมาสอนให้ใช้ธรรม เอาไปชนะกรรมที่ตนทำมา

นี่แหละคือความสำคัญของพระพุทธเจ้า

ด้วยรู้ธรรมชาติ พระพุทธเจ้าจึงไม่ละเมิด ไม่ล่วงล้ำกรรม อำนาจธรรมที่มี จึงใช้ได้เฉพาะกับคนที่เชื่อแล้วทำตาม ไม่ใช่หว่านไปทั่วโลก จึงไม่ต้องแปลกใจที่พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ มีเมตตาอันมหาศาล หากแต่ทำไมจึงมีสาวก หรือนำพาอรหันต์ไปนิพพานได้เพียงหยิบมือเดียว ก็เพราะคนที่เชื่อและทำตาม มันมีน้อย

ศาสน์จึงได้ถูกขนานนามว่า "เป็นหลักที่ดี แต่ทำยาก" คนส่วนใหญ่เขาไม่เอา

ด้วยเหตุนี้ หลวงพ่อนิพนธ์จึงบอกว่า ศาสน์บุคคลิกเฉพาะคนอยากได้แล้วทำ คนใดที่ไม่อยากทำ ศาสน์อันนี้ก็หามีประโยชน์ไม่ พูดง่ายๆ แม้นธรรมจะมีอำนาจมหาศาลเหนือกรรม ก็ช่วยคนที่ไม่ทำตามไม่ได้เลย

ภาพของศาสน์จึงถูกหลวงพ่อนิพนธ์เปรียบเปรยให้เห็นชัด อุปมาตบมือให้ดัง ก็ต้องอาศัยมือทั้งสองข้าง ข้างหนึ่งคือธรรมคำสอน อีกข้างหนึ่งคือมือของเราท่านนั่นเอง

เมื่อมาแล้วไม่อยากทำ จึงไม่เป็นประโยชน์แก่ฝ่ายใดเลย เสียเวลา เสียเงินเปล่า ....

คาถาบุญง่ายๆ ที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น นั่นคือ สิ่งที่ทำมีผลกับมนุษย์และสัตว์หรือไม่ ...

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44