หลายคนเห็นการหายโรค และยังรำเรียนมาแต่น้อย เห็นความก้าวหน้าอันหน้าพิศวงของวิทยาศาสตร์ ทำให้ทึ่งแลเชื่อมั่นว่า ความก้าวหน้านี้ย่อมพาไปถึงฝั่งฝัน นั่นคือการมีอายุยืนและปราศจากโรค
แลอีหลากหลายวิธีการ ไม่ว่าหมอผี หมอเจ้า หมอพระ ซึ่งหลายครั้งก็ทำให้พิศวงที่อาการที่เป็นอยู่ หายไปได้
หลวงพ่อนิพนธ์เรียกวิธีการเหล่านั้นว่า การหากินกับพรหมลิขิต
ปัญหาที่สำคัญนั่นคือ ความวางใจในสิ่งที่สัมผัสว่าพึ่งได้ จิตจึงผูกพนและยึดเป็นที่พึ่ง
แต่ความจริงก็คือ ยาหรือวิธีการเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ช่วย การผ่านพ้นวิกฤตที่เกิด มาจากพรหมลิขิตยังเหนียวแน่นต่างหาก
เมื่อพรหมลิขิตยังมี หลวงพ่อนิพนธ์ยืนยัน โรคห่าอะไรมาพิฆาตไม่อาสัญ เพราะโรคที่มาเขาเรียก กรรมผ่าน มาให้ใช้กรรมแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้มาเอาถึงตาย
ความเคยชินและเชื่อมั่นในการผ่านโรคนี้เอง ปวดหัวตัวร้อน หยิบเข้าปากปุ๊บหายปั๊บ จิตจึงผูกพัน หากแต่วันหนึ่งเมื่อของจริงมา นั่นคือกรรมพัก หรือโรคที่มาทำให้เสียชีวิต
ก็ใช้พฤติกรรมแบบเดิมๆ ใช้เงินซื้อ พึ่งในสิ่งที่ตนยึดและเชื่อ ผลก็คือ ยิ่งนานวัน ไม่ว่าทุ่มเทสักฉันใด มีแต่ความเลวร้ายมากขึ้นทุกวัน
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า นี่คือจุดอ่อน เพราะความฝังใจ แลไม่รู้ความจริงที่มาของโรค การชนะมาตลอดในอดีต ความเชื่อมั่นว่าหายได้ ผลก็คือ การตีค่า หรือประเมินศัตรู เป็นแค่โรคเอาชนะได้ง่าย นั่นแลพระภูมีเรียกคนประมาท
คู่ต่อสู้ที่แท้จริง คือ กรรม อันเป็นอำนาจสูงสุด เหนือมนุษย์ จะหาสิ่งใดมาป้องกัน หลบเลี่ยงไม่ได้เลย
ยิ่งไปหวังปัญญามนุษย์ ที่เรียกว่าปัญญากรรม เพรมะกรรมเป็นผู้สร้าง ย่อมมองไม่เห็นทางว่าจะชนะกรรมได้โดยวิธีใด
ดังนั้นรอไปเถอะ ตายอีกกี่ชาติ ก็ไม่มีวันพบยา หรือเครื่องมือใดมาช่วยรักษาโรคตายได้
พูดให้ฟังง่าย เราท่านประเมินโรค ประเมินกรรมต่ำ จึงคิดว่าปัญหานี้ หากมีเงิน มีหมอดีๆ มีเครื่องมือดีๆ ก็ช่วยได้ ผลก็คือ หาเงิน แต่ก็ยังคงพฤติกรรมเดิมๆ หายาโยนใส่ปาก มอบความรับผิดชอบโยนให้คนอื่นแก้ รายแล้วรายเล่า ไม่ว่ามีเงินสักเท่าไร หมอที่ว่าเก่งขนาดไหน เครื่องมือทันสมัยอย่างไร ล้วนปิดหน้าหมด ไม่มีผู้ใดประสพผลเลย
เมื่อพานพบหลักของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา สอนให้รู้ว่า คู่ต่อสู้เราท่านนั้นใหญ่หลวงนัก มีอำนาจเด็ดขาด จึงสอนไม่ให้ประมาท ตีค่าคู่ต่อสู้ให้สูง นั่นหมายความว่า การจะหายโรค จึงต้องใช้เกลือจิ้มเกลือ
การจะหายโรค จึงต้องใช้สิ่งสูง สมุนไพรจึงต้องดำรงเป็นของสูง ก่อนทานเราท่านจึงต้องไหว้ และมีพฤติกรรมการกระทำหรือนิสัยที่สูง ที่ดี จึงจะชนะได้
ความจริงนี้เอง หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า นี่คือหลักตนพึ่งตน ที่นี่จึงไม่มีคนไข้ ไม่มีหมอ มีแต่ศิษย์กับอาจารย์ เพราะท่านช่วยใครไม่ได้เลย แต่มีความรู้ของพระพุทธเจ้า ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา สอนให้ไปช่วยตน แลอาสาปรุงสมุนไพรให้ เพื่อลดความลำบาก เพราะจะให้ไปทำเอง ก็คงยาก
คนที่จะหายโรค จึงต้องเป็นคนอยากได้ เรียนรู้ แล้วนำไปช่วยตน ใครทำ ใครได้ คนหายจึงมีน้อย เพราะคนทั่วไปอยากหายแต่ไม่อยากทำนั่นเอง
การทานสมุนไพรอย่างเดียว จึงยากที่จะหาย เพราะเข้าไม่ถึงอำนาจธรรม ที่จะไปหักล้างอำนาจกรรม อาจมีฟลุ๊คบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ได้แค่ประทังหรือยืดไปเท่านั้นเอง
ข้อสอบ ของผู้ที่จะประสพความสำเร็จ จึงวัดการที่ฟ้าดินพิจารณาว่าท่านเป็นคนดี
จะหลอกใครก็หลอกได้ จะทานสมุนไพรมากสักฉันใด ก็ไม่ช่วย เพราะกรรมการคือฟ้าดิน ที่เมื่อตัดสิน กรรมจึงยอม เพราะนั่นคือคนดีที่แม้แต่ฟ้าดินยังยอมรับ กรรมจึงให้อภัย หรือพ้นโทษได้ ปล่อยเราท่านกลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังว่า หากมองโรคเป็นโรค ไม่มีทางหาย หากมองโรคเป็นกรรมแล้วไซร้ จะทำให้เราท่านมีสติ มีความสงบ มีการควบคุมพฤติกรรม ทำตนเป็นคนดี แล้วทานสมุนไพร การหายโรคก็จักเป็นเรื่องง่าย
ผลแพ้ชนะ อยู่ที่ใจ เท่านั้นเอง
พระพุทธอุบัติมาไม่รู้กี่มากน้อย เราท่านยังถูกขังในโลกเวียนว่ายอยู่เลย ใครมันแน่ท้ากรรมก็ปล่อยเขาไป ส่วนพวกเราเชื่อหลวงพ่อนิพนธ์เถอะ อยู่ใต้ฟ้าอย่าท้าฝน เกิดเป็นคนอย่าท้ากรรม