สิ่งหนึ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์มักสอนเสมอ แม้นจะเป็นรายละเอียดเล็กน้อย แต่ก็มีความสำคัญมาก โดยเฉพาะกับคนไข้ที่อาการเข้าขั้นวิกฤต นั่นคือ การมีสติ ที่จะต้องแยกว่า สิ่งที่เป็นอยู่ เป็นเรื่องของกาย อย่าให้ลุกลามมายังใจ
หลายคน อาการทางกายไม่เท่าไหร่ แต่อาการทางใจล่มสลาย ตายไปก่อนกายเสียอีก เรียกว่า ใจตกจนทานไม่ได้ นอนไม่หลับ อันนี้เป็นปัญหาใหญ่กว่ากายเสียอีก
ดังนั้น เมื่อคิดจะเปิดศึกกับมะเร็ง ทางหนึ่งที่จะแก้ปัญหา ทำให้คนที่เป็นโรคนี้ หรือโรคอื่นที่ไม่ร้ายแรงเท่า มีจิตใจหึกเหิม สามารถยกระดับจิตใจขึ้นมาได้ ให้เหลือเฉพาะปัญหากายล้วนๆ แล้วมาสู้กัน นั่นก็คือ การสัมภาษณ์ หรือการมาเล่าประสพการณ์ให้ฟัง ของบรรดารุ่นพี่ๆ
นับจากนี้ไป หลวงพ่อนิพนธ์ก็จะให้คนป่วยมะเร็ง โดยเฉพาะที่ผ่านอาการวิกฤตสาหัส และประสพความสำเร็จ มาพูดคุย ให้เพื่อนสมาชิกฟัง
ตัวอย่างหนึ่ง ก็ผู้ป่วยหญิงท่านหนึ่ง ที่เราท่านมักจะพบเห็นเธอเสมอๆ ที่ร้านขายปาท่องโก๊ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งลำไส้ อาการของเธอตอนมา นั่นก็คือ มีเลือดไหลออกมาทางช่องคลอด ตลอดเวลา ผ่านมาถึงวันนี้ ก็ ๔ ปี นับจากวันเริ่มต้น อยู่ดีมีสุข
ตัวอย่างเหล่านี้ จะทำให้ผู้ที่มาเดินตาม มีกำลังใจ และเห็นทางรอด จิตใจก็ไม่หดหู่ ... นั่นเท่ากับชนะไปเกินครึ่งแล้ว ที่เหลือก็อาศัยน้ำอดน้ำทน ยืนระยะ ทำตามรุ่นพี่
แต่ตัวอย่างที่ถูกหยิบยกมา หาใช่เพียงแต่ผู้ประสพผลไม่ หลากหลายเรื่องราว หลวงพ่อนิพนธ์ก็มักจะหยิบยก เรื่องของผู้ที่ล้มเหลวในการช่วยตน และวิเคราะห์ให้เห็นว่า เป็นเพราะเหตุใด
แม้นจะเล่าเรื่องมะเร็ง แต่ก็ใช้ได้กับทุกโรค ... จึงควรตั้งใจฟัง พิจารณา แล้วหยิบยกไปใช้ในการช่วยตน ความหวังก็จะเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น ไม่ต้องลองผิดลองถูกเองทั้งหมด