แม่ชีเมี้ยนตรัสว่า ศาสนาเป็นของนอกโลก มาอุบัติเพื่อคนอยากได้ เท่านั้นเอง
เรื่องของศาสนาจึงเป็นเรื่องของคนกลุ่มเล็กๆ ที่มองพิจารณาตนแล้วเบื่อ เบื่อที่เกิด แก่ เจ็บ ตาย มองโลกนี้แล้วไม่ว่าจะมีกรรมดี หรือกรรมชั่ว ย่อมมีทุกข์ จะหาหนทางพ้นทุกข์ ด้วยความเชื่อ ลัทธิที่ตนนับถือนั้น ไม่พบ
แม้นแต่ทุกข์สังขาร ด้วยโรคภัย ก็ยังหาหนีพ้นไม่ แรกๆก็หลอกตนได้ ยานี้กินแล้วดี หายปวด หายเจ็บ หมอนี้ดี พิธีกรรมนั้นดี สุดท้ายเมื่อสรุปกรรม อะไรที่เคยว่าดี ว่าหาย หยุดเจ็บ หยุดปวด ของตนไม่ได้เลย
ครั้นมาพบศาสนาของแม่ชีเมี้ยนที่หลวงพ่อนิพนธ์นำมา ชี้ให้เห็นเหตุแห่งทุกข์ ไม่ว่าทุกข์แบบไหน ล้วนแล้วมีที่มาจากนิสัยกรรมที่ตนมีตนทำนั่นแล จะมาแก้ทุกข์ ท่านอาสิชี้ว่า ต้องแก้ที่นิสัย ทิ้งนิสัยเดิม มาเรียนนิสัยพระภูมี สร้างให้เป็นนิสัยตน
ภาพที่ถูกฉายให้ดู เป็นความจริงของจักรวาล นั่นคือ “ตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย จะทำสักฉันใด ไม่ตายเลย” ท่านอาสิย่อให้ฟัง “ทำอย่างไร ได้อย่างนั้น”
ด้วยความจริงนี้ คนที่อยากสุข เบื่อทุกข์ เมื่อพานพบพระพุทธศาสนา จึงชวนกันมารับวินัยของพระภูมีไปปฏิบัติ เมื่อทำได้ ก็เห็นสุข เพราะกรรมใหม่ไม่สร้าง กรรมเก่าก็ยอมใช้ ด้วยเห็นความจริง เรื่องตัวกระทำนี้เอง “ศรัทธา” จึงเกิดมหาศาล
แม้นการฝืนนิสัยกรรมในวันนี้ อยากด่าคน อยากเบียดเบียนคน อยาก... ด้วยวินัยทุกข์นี้ ก็มุ่งมั่น เพราะเห็นสุขรอตนในวันข้างหน้า
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้พิจารณา เพราะเราไม่เชื่อ เราไม่รู้ว่าตัวกระทำมีจริง ตัวกระทำไม่ตาย เราจึงคิดพึ่งผู้อื่น หวังผู้อื่นจะให้สุขตนได้ ไปกราบไหว้สิ่งใด ถ้าตนได้ตามขอ ก็ว่าดี ถ้าไม่ได้ ก็ไปหาที่ขอใหม่ ไม่คิดจะพึ่งการกระทำของตน ยิ่งมาเจอศาสนาของพระอริยเจ้าที่เป็นศาสนาทำ จะขอสิ่งใดก็ไร้ผล ศรัทธาจึงยากจะเกิด สู้ศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ยังไม่ได้ จะไปขอหวย ยังต้องหมอบคลาน ยิ่งถ้าขอแล้วถูก ก็ไม่แปลกที่เขาจะให้อมหัวแม่เท้าเหมือนในคลิป ก็ยอมทำกันมากมาย
เราจึงไม่สงสัย ทำไมหลวงพ่อนิพนธ์บอกหายโรคง่ายนิดเดียว ก็โรคมาจากนิสัยเบียดเบียนผู้อื่นจนเกินไป หายโรคก็แค่มาทำตนเป็นพระเวสสันดร เมื่อ กาย วาจา ใจ ทำให้เป็นโรค ก็กาย วาจา ใจ นี่แหละทำให้หายโรค แทนที่จะรอทานยาเขียว เราก็ปลูกดูแลต้นยาเขียว ไว้เพื่อตน เหลือนั้นทำทาน แทนที่จะรอทานยามะนาว เราก็ปลูกต้นมะนาวมาทำยา เหลือนั้นก็ทำทาน ปลูกด้วยกาย วาจา ใจ พร้อม โรคอะไรจะเหลือ เมื่อยังผล เห็นทางสุข ศรัทธาก็จะเกิด
นี่แค่วินัยกาย ยังสุขหายโรคได้ ถ้าเราทำวินัย วาจา ใจ เล่าจะให้สุขมหาศาลเพียงใด ยิ่งทำศรัทธายิ่งเกิด เพราะยิ่งทำได้ยิ่งมีความสุข สุขในนิสัยพระอริยเจ้า
แต่มันน่าแปลก คนมาบอกอยากสุข ท่านอาสิสอนให้ทำ นี่จะมาเอาแต่ไม่ทำ หรือ ทำแค่นี้พอแล้ว นี่แลศรัทธา มันจึงไม่เกิด เพราะสิ่งที่ตนหวัง มันไม่มีวันมาถึง หรือมาถึงหายแล้วก็เป็นอีก ไม่ดูเลย นี่หลักอะไร หลักพระภูมี คือ “หลักตนพึ่งตน”
อยากเห็นไปดูคนป่วยมะเร็ง ถามว่าทำไมมาบ้างไม่มาบ้าง บอก ไปรับยาหมอที่เขาแจก แต่เขาให้น้อย วันไหนเขาแจกก็ไปรับ ยาไม่พอกินก็มารับสมุนไพร แล้วก็นั่งๆนอนๆรอหาย แล้วบอกศรัทธา นับถือแม่ชีเมี้ยน ... นั่นเดินรอยใคร พอเป็นอะไร คนเห็นแต่มาทานสมุนไพร ไหนว่าสมุนไพรดี
ออกตัวไว้ก่อน หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า คนรอด คือ คนทำตามคำสอนได้ ไม่ใช่คนมาทานสมุนไพร หรือคนที่ไหว้แม่ชีเมี้ยน