วันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ศาสนาคืออะไร


คนเราเมื่อทุกข์ไม่ว่าชนชาติเชื้อชาติใด มักหวนนึกถึงศาสนา ที่ซึ่งตนคิดว่าเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ช่วยตนของตนได้

ศาสนาลัทธิความเชื่อต่างๆ ที่ตนเคยร้องขอแล้วได้นั้น แท้จริงเป็นผลกรรมดีที่ทำมาแล้วต่างหาก แต่วันนี้ผลกรรมชั่วมาอุบัติจะร้องขอสักฉันใดก็ไร้ผล

แม้นแต่เรื่องโรคก็เฉกเช่นเดียวกัน ทำไมวันนั้น หมอนี้ เคยช่วยเราท่านได้ มาวันนี้กลับช่วยไม่ได้ นั่นที่ช่วยได้ มันเป็นกรรมผ่าน มันมาแล้วก็ไป แต่เมื่อเจอของจริงคือ กรรมพัก ที่มาเป็นโรคตาย ท่านอาสิบอกทำสักฉันใดช่วยตนไม่ได้เลย ยิ่งดิ้นยิ่งเข้าตำรา “ดินพอกหางหมู” จากหนึ่งกลายเป็นสองสามสี่โรค ยิ่งทำยิ่งเพิ่มโรค

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณา ก็เพราะสิ่งที่ตนยึดถือ ไม่มีตัวมีตน คนสร้างขึ้นมาเอง ไม่ว่าความเชื่อ หรือยา ก็ล้วนแต่ใช้ปัญญามนุษย์ หรือปัญญากรรม สร้างขึ้นมา มันจึงแก้ผลกรรมไม่ได้

ศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา เป็นปัญญาเหนือโลก สิ่งที่ทำมันจึงให้ผลเหนือกรรมที่ทำมาได้

ความต่างของปัญญาทั้งสองนี้ ที่เด่นชัด หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณา คือ ปัญญาโลก มิว่าศาสนาลัทธิความเชื่อใด อยากได้ให้ร้องขอ ส่วนปัญญาของพระพุทธเจ้านั้นอยากได้ ต้องทำเอง

จึงไม่ต้องแปลกใจ สิ่งที่คนทั้งหลายเชื่อ จึงไม่ต้องตั้งอยู่บนเหตุและผล ที่สำคัญ ไม่รู้หนทางว่าต้องเดินต้องทำอย่างไรเล่นกันเอง คิดเอาเอง คิดต่างก็แยกเป็นลัทธิใหม่ นิกายใหม่

หากแต่ศาสตร์ของพระภูมี เป็นความจริงแท้ มีตัวมีตน จึงตั้งอยู่บนเหตุและผล แม่ชีเมี้ยนตรัสสอนสงฆ์ถึงหนทางในการเดิน ว่าจุดมุ่งหมายที่คนอยากได้ศาสนามาช่วยตน ควรที่จะทำตนไปให้ถึง นั่นคือ มรรคผล นิพพาน ในภายภาคหน้า จะใกล้หรือไกล ไม่เป็นไรตามแต่ตนทำได้

ดังนั้นหนทางที่จะไป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า เมื่อมีวาสนามาพานพบ จึงต้องตั้งปณิธาน ประกาศตนเป็นสัจจะให้แก่ตนเพื่อเดินไปให้ถึง หากจะไปในเวลาอันใกล้ ก็บวชอยูในหลักธรรมโลกุตระตลอดชีวิต หากแต่ยังไม่อยากไปในภพนี้ชาตินี้ ก็วางสัจจะนับถือศาสนาพุทธตลอดชีวิต เพื่อเป็นสัญญาจะได้เวียนมาพบพระพุทธศาสนาอีกในวันหน้า จะได้ทำตนเมื่ออยากไป

ส่วนหนทางที่จะกระทำเพื่อให้ได้ นั่นก็ด้วยการเดินตามรอยตัวกระทำของพระภูมี ทุกพระองค์ จะทำโดยวิธีใด ก็ไปเรียนรู้จากผู้ปฏิบัติที่สำนักปฏิบัติธรรมแม่ชีเมี้ยนกรุณา

คำถามที่อดสงสัยไม่ได้ ต้องถามหลวงพ่อนิพนธ์เมื่อครั้งบวช “แล้วเราจะรู้ได้ไงว่าทำถูก” คำตอบที่ท่านให้ คือ เป็นเรื่องง่ายรู้ได้เฉพาะตน นั่นคือ ความเชื่อที่ถูก ทำถูก ยิ่งทำนิสัยยิ่งลด ความสงบก็ยิ่งบังเกิด ความสุขก็ตามมา

พรปีใหม่ของแม่ชีเมี้ยนตอนหนึ่ง จึงกล่าวว่า “สุขจะบังเกิดมากน้อย ก็ตามแต่นิสัยของพระภูมี ที่เรามี เราทำได้นั่นแล” ยิ่งเราทำได้ เราท่านก็จะยิ่งสุข เพราะเดินตามปณิธานได้ ผลหรือจุดหมายคือมรรคผลนิพพาน ย่อมอยู่ไม่ไกล

บทสรุป วันนี้เป็นปีใหม่จีน คนทั้งหลายอวยพรให้มีความสุข หากแต่เป็นความอยาก เป็นคำขอ อันจะเกิดขึ้นจริงตามคำนั้น คงไม่ได้ แม่ชีเมี้ยนชี้ อยากสุข ก็ขอให้สุข อยู่กับตัวกระทำนำตนเป็นคนดี ให้สุขผู้อื่นเป็นอุปนิสัย สุขอยู่บนวิถีพุทธศาสตร์ทุกชาติไป

การมาทานสมุนไพรนั่นแค่ปลอดโรค แต่ไม่แน่ว่าจะปลอดภัย แลไม่แน่ว่าจะถึงสุข เพราะสมุนไพร เขาทำหน้าที่ให้โอกาสเราท่าน ได้มาเจอศาสนา เรียนรู้ แล้วทำสร้างสุขให้แก่ตน ถ้ายังไม่คิดไป อย่างน้อยก็ไปรับสัจจะน้อมนำนิสัยบางสิ่งบางอย่างที่พอทำได้ มาลดนิสัยตนลง ตามที่ท่านอาสิชี้

แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสชี้ว่า ความหมายของศาสนา คือ “เราทำ ทำอะไร ทำนิสัยของพระพุทธเจ้านั่นเอง” ใครฟัง เชื่อ พิจารณา แล้วทำตาม ถึงสุขแน่นอน หายโรคนั้นแถมให้

ศาสนาสอนสร้างวัตถุ นั้นเดินสวนทางรอยพระภูมีแล้ว ทำสักฉันใด แก้ปวดท้องยังไม่ได้เลย จะถึงสุขโดยวิธีใด


ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44