เมื่อมาทำงานในมูลนิธิ หลวงพ่อนิพนธ์เคยสอนเราว่า ในขณะที่ท่านพูด คำพูดของท่านเพียงแค่วลีเดียว การกระทำของเราแค่การไอ หรือพูดคุย ถ้าบังเอิญคนที่อยู่ใกล้ๆ ที่เมื่อฟังแล้วช่วยตนได้ ด้วยการพูด หรือไอ ของเราทำให้ไม่ได้ยิน ช่วยตนไม่ได้ เท่ากับฆ่าคน แม้ไม่เจตนา แต่ตัวกระทำมันมี เราฟังแล้วขนลุกกลัวมาจนทุกวันนี้
ดั่งที่ท่านอาสิชี้ ความสงบจึงเป็นเอกลักษณ์ เพราะตนแลผู้อื่นจะได้ทำสิ่งที่ช่วยตนได้ โดยเฉพาะบุญ แม้นเพียงน้อยเดียวสำหรับคนบางคนอาจหมายถึงชีวิต ความเป็นความตายเลย
แม่ชีเมี้ยนจึงตรัสสอนสงฆ์เสมอว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงกลัว "กรรม" มาก ดังนั้นจะทำสิ่งไรพิจารณาแล้วพิจารณาอีก ว่าส่งผลแก่ผู้อื่นอย่างไร
แต่ดูคนที่มามากหลายไม่ว่าท่านอาสิจะพูดสอนสักฉันใด ให้มีที่เว้นโดยเฉพาะในช่วงพิธีกรรม แต่เขาเหล่านั้นไม่ยอมหยุด เห็นชัดตอนสวดมนต์ ตอนรับยา อันเป็นเวลาที่ทุกคนต้องสร้างบุญ ต้องสงบ คนที่มาด้วยกัน เป็นผัวเป็นเมีย เป็นเพื่อน เป็นคนรู้จัก กลับชวนคนที่บอกว่ารักกันชอบกันคุย แทนที่จะชวนกันหยุด
นี่มันไม่ต่างกับหนังที่เราดูเลย ปากบอกรักกันชอบกัน พฤติกรรมฆ่ากันหน้าตายิ้มแย้ม รู้ทั้งรู้ว่า ต่างคนต้องการบุญเพื่อช่วยตน
บทสรุป แม่ชีเมี้ยนตรัสให้พิจารณา ว่า "ศาสนามานั่งทุกวันนี้ ไม่กลอกกลิ้ง พูดความจริงทุกอย่าง" ก็แล้วคนที่มา ปากบอกว่าช่วยด้วย คนสอนก็สอนชี้ แต่ทำสวนทาง นี่เรียกว่า "ท้ากรรม" แทนที่จะมาช่วยกันทำให้เป็นวัดเป็นแผ่นดินรอด กลับมาทำเป็นทำเป็นตลาด เล่นตามนิสัย แล้วตลาดที่ไหนช่วยให้รอด ที่สำคัญ คนที่ตาย เป็นคนที่ตนบอกรักบอกชอบ นี่มันโหดสัตว์เลย รึเปล่า
อยากฆ่ากันไปที่อื่นดีกว่าไหม ? จะมาหลอกที่นี่ทำไมว่าอยากรอด แต่พฤติกรรมไม่ช่วยตนยังพอทน นั่นชีวิตตน กลับ ทำให้คนที่บอกรักบอกชอบตายไปด้วยหน้าตาเฉย
ใครมองอย่างไงไม่รู้ แต่เราบอกคนพวกนี้โหดสุดๆ ไม่หยุดตนก็หนักแล้ว คนที่เขาบอกให้หยุด เพราะเขารู้ ด่าเขาเสียอีก นี่แลขาดความรู้ ขาดพิจารณา เป็นพุทธเฉพาะในบัตรเท่านั้นเอง