แลเพื่อเป็นการระลึกถึง การเสด็จมาในครั้งนั้น สิ่งที่คนเลื่อมใสขอเพื่อเป็นที่ระลึก ในการเสด็จมา ที่ท่านให้คือ "รอยพุทธบาท" นั่นเอง
ความหมาย คือ ผู้ใดอยากพ้นทุกข์ ให้เดินตามรอยตัวกระทำ หรือรอยการกระทำของท่านนั่่นเอง
คำถามก็คือ รอยที่ว่าต้องทำอย่างไร มีใครรู้จริง หรือไม่
รู้แค่ว่า ทำแล้วเป็นบุญบารมี ทานบารมี ช่วยตนพ้นทุกข์ได้
ทุกที่ ทุกแห่งหนก็อ้างของตน เป็นแก่นศาสนาแน่แท้ บางคนอ้างตนเป็นอรหันต์เลยก็มี
ศาสตร์พระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า หนทางที่ใช้ มีสัจจะเป็นเหตุ แล้วในชั่วโมงสัจจะนั้น อยู่ในกรรมฐาน สมาธิพิจารณา
พิจารณาอะไร พิจารณาว่า สิ่งที่ตนเชื่อ ตนทำอยู่นั้น เป็นสัจธรรมความจริง ทำเพื่อลดนิสัยกรรมให้น้อยลง หรือ ทำตามความเห็น ความเชื่อ ที่ผู้อื่นเขาว่าดี แล้วก็ทำตาม ถ้าเป็นความจริง ก็พยายามทำให้ได้
บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ให้สติว่า ถ้าทำตามพระภูมี นิสัยกรรมย่อมน้อยลง ตนนั่นแลรู้สึกได้ กิริยาย่อมสงบลง นี่แลจึงเป็นเหตุให้คนทั่วไปเห็น ว่าความสงบคือเอกลักษณ์ของผู้มีธรรม
ดูแค่ความเจ็บป่วย เมื่อความเจ็บมาถึง ไม่โทษใคร รู้ว่า "นี่เราทำไว้แล้วเราจึงเจ็บ" ถ้าไม่อยากเจ็บแบบนี้อีก ก็ต้องลดนิสัยสร้างกรรม ถ้าเราไม่สงบ อารมณ์ไม่ดี โกรธว่าติเตียนผู้อื่น กรรมย่อมเพิ่มทวีคูณ หนทางหายย่อมเป็นไปไม่ได้
เมื่อยอมใช้ วันหนึ่งย่อมหมด หมดกรรม ก็หายโรค
คนที่บอกอยากหาย แต่เขาเหล่านั้นจะไปอย่างไร ถ้าไม่เดินตามรอยพระโคดมเลย ไม่ลดกิริยาบาป ไม่สร้างกิริยาบุญ
ถ้าถามว่าทำไมเขาไม่ทำ คำตอบง่ายนิดเดียว เขาไม่เชื่อกรรม ที่สำคัญ เขาไม่ปรารถนามรรคผล นิพพาน
คนเหล่านี้ครั้งพุทธกาล พระพุทธเจ้า ไม่ยุ่งด้วย ไม่เสียเวลา เพราะฝึกไม่ได้