ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันศุกร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2561
เรื่องกาก - กากสมุนไพร เคล็ดลับหายโรค
ความรู้ความเข้าใจมีความสำคัญยิ่ง โดยเฉพาะเรื่องของชีวิต แลเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ยิ่งไปกว่านั้นถ้าเป็นศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมาด้วยแล้ว ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่ไม่คุ้นเคย
จึงไม่แปลกทำไมครูบาอาจารย์จึงต้องพูดซ้ำๆ ประการแรก ไม่มีใครที่ฟังแล้วเข้าใจหมดได้ในครั้งเดียว นั่นคือฟังแล้วเก็บไปพิจารณา ตรงไหนติด คราวหน้ามาฟังใหม่เหมือนต่อจิ๊กซอว์ จนเต็ม เข้าใจถูก ทำถูก ผลถูกก็เกิด
นี่เองทำให้ความสงบมีค่า เพราะวลีที่กล่าวมีผลกับชีวิตตนแลผู้อื่น อย่าให้คนอื่นพลาด แล้วช่วยตนไม่ได้เพราะเราคุย หลวงพ่อนิพนธ์มักชี้ว่า เราพูดนานสองนานซ้ำไปซ้ำมา เพื่อให้คนแค่จับเอาวลีหนึ่งไปทำแล้วช่วยตนได้ นั่นเพียงพอสำหรับคนนั้นไปแล้ว เพราะธรรมไม่จำเป็นต้องรู้หมด ขอเพียงรู้จริง เอาที่พอทำได้ ช่วยตนได้ แค่นั้นก็พอ การพูดจึงหว่านไปทั่ว ไม่ใช่ทุกคนต้องทำทั้งหมด ต่างคนต่างกรรมต่างวาระ เอาที่ตนทำได้ ธรรมจึงมี กว่าแปดหมื่นขันธ์ ให้เลือกทำ อันนี้เหมาะกับเขา ไม่จำเป็นว่าต้องเหมาะกับเรา ไปช่วยทำยาไม่ได้ ล้างห้องน้ำก็ได้ จัดเก้าอี้ก็ได้ จัดรถก็ดี เอาที่ตนทำได้
ประการที่สอง ท่านว่าเมื่อเอาไปทำย่อมมีอุปสรรคหรือมารผจญ การฟังซ้ำๆ นั่นเพื่อให้เกิดปัญญาพิจารณาเหตุและผล เพื่อดับหรือผ่านปัญหานั้นๆ ไปให้ได้ พูดง่ายๆ ยอมรับว่า "กรรมเราทำมา ศาสนาก็สอนให้เป็นคนจริง ยอมใช้" นั่นคือ ฟังให้เกิดขันติ และอดทน เพราะมาใช้ย่อมต้องมีมาร เมื่อยอมใช้ย่อมต้องหมด จิตใจจึงยอมรับและสงบ ด้วยเชื่อว่า "ทุกข์วันนี้สุขวันหน้า" ก้มหน้าทำไป ไม่ใช่มีเสียงมากระทบ กูไปแล้ว
ทีนี้เมื่อย้อนมาถึงการฟื้นฟูตนด้วยสมุนไพร ที่ท่านอาสิมักชี้ว่า "รู้เขารู้เรา" นั่นต้องรู้ธรรมชาติของร่างกายตน เป็นสำคัญ จึงจะมีโอกาสชนะได้สูง
ท่านมักชี้เสมอว่า ปัจจัยหลักของชีวิต "กินได้ไม่ตาย" ประเด็นก็คือ เมื่อเรากิน ร่างกายจะนำไปใช้ได้โดยวิธีใด โดยการย่อย แล้วดูดซึม รู้แบบนี้แปลว่า "มันต้องให้เวลา"
พฤติกรรมการทานสำหรับคนป่วยมันจึงต้องพิถีพิถันกว่าปกติ เพราะการดูดซึมยิ่งดีเท่าไหร่ โอกาสรอดและหายก็ยิ่งดีเท่านั้น ความสำคัญจึงอยู่ที่การประวิงเวลาให้อยู่ในระบบนั่นเอง หากเป็นน้ำก็ควรจิบทีละน้อย แต่สิ่งที่ช่วยชลอได้ดี นั่นคือ "กาก"
ถ้าคุณเชื่อฝรั่งหรือคนขายเครื่อง คุณก็คั้นน้ำผลไม้ดื่ม ไม่เอากาก ดื่มเข้าไป ร้อยได้คุณค่าไม่ถึงครึ่ง ดูส้มเป็นตัวอย่าง แต่ถ้าคุณทานส้มพร้อมเส้นใย นั่นแหละคุณค่าเต็มๆ ที่ได้จากส้ม
ทีนี้มาดูยาเขียว ก็ไม่ต่างกัน ท่านจึงสอนคนทำยาว่า เวลาคั้นอย่าใช้ตะแกรงที่ถี่เกินไป ต้องให้มีกากเหลือไว้ ชลอการไหลไปของยาเขียว ให้อวัยวะได้มีเวลาดูดซึมเอาไปใช้ประโยชน์
เสียดาย หลายคนไม่เอากาก ไม่ทานผักอาหารที่มีเส้นใย ไม่เรียนรู้สิ่งที่ร่างกายต้องการ ทำแต่สิ่งที่ตนชอบ กินเหล้า จิบเบียร์ มีเวลานั่ง จะทานสมุนไพร รีบเหมือนไฟไหม้ ชอบนักสารสกัด
ความไม่รู้ เลยพาลด่าคนทำอีก ทำไงวะกากเพียบเลย ใช้มือหรือใช้ตีนทำ ว่าไปนั่น
บทสรุป สิ่งที่หลวงพ่อนิพนธ์ให้ทำ ทุกสิ่งอย่าง ล้วนต้องมีผลดี ทำแล้วเป็นคุณแก่ผู้ทำ ผ่านการไตร่ตรอง พิจารณามาแล้วอย่างดี ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่ดูแล้วให้ทุกข์ อาทิ ที่มักได้ยินคนป่วยหรือญาติพูดบ่นเสมอ แม่งเอ๋ย คนป่วยก็เดินจะไม่ไหว หรือลำบากอยู่แล้ว แทนที่จะให้นั่งสบาย นอนสบาย หรือเอายามาให้ เสือกให้เดินไปโน่น ไปนี่ ทรมานคน บาปกรรม หารู้ไม่ ถ้าร่างกายคนไม่เคลื่อนไหว ระบบการย่อย การดูดซึม จะทำงานน้อยลงไปเรื่อยไป หรือไม่ทำงานเลย การเดินคือการกระตุ้นที่ดีที่สุด
แลที่คนไม่รู้ ยิ่งถ้าเป็นการทานมื้อเดียวด้วยแล้ว ร่างกายยิ่งต้องฟื้นฟูระบบดูดซึมและย่อย ให้กลับมาสมบูรณ์ที่สุด คนป่วยบางคนในอดีต หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ให้ไปรับสัจจะทานวันละมื้อกับพระ ในเทศกาลต่างๆ อาทิ เข้าพรรษา ธุดงค์ แต่วิธีนี้เหมาะกับคนที่ยังทานอาหารได้ปกติ ไม่ใช้กับคนที่ทานได้น้อย หรือทานไม่ค่อยได้ และสอนพระว่า ทุกมื้อควรมีผัก
ก็ไม่แปลกทำไมพระโคดม ถึงคิดอดอาหาร หลังจากบรรลุเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ใช่ อดก่อนบรรลุ เหมือนตำราว่า ก็พูดมากมนุษย์ก็บ่นรำคาญน่าเบื่อ ไม่พูดก็ไม่รู้ ทำผิดช่วยตนไม่ได้ เห็นนิสัยมนุษย์ดูแล้วหาคนทำยาก เรื่องของศาสนา มันจึงต้องอาศัยการพิจารณา สร้างความเชื่อ ความศรัทธา แล้วเดินตาม จะให้อธิบายหมด ทุกตัวคน คงเป็นไปไม่ได้ ใครเชื่อก็ตามแม่ชีเมี้ยนมา ใครทำได้ คนนั้นได้เปลี่ยนตนเป็นคนมีจิตใจสูง หายโรคนั้นแถมให้