หลายคนมักสงสัย เห็นคนบางคนมามูลนิธิ ดูแล้วเป็นคนที่เชื่อมั่นศรัทธา ทุ่มเท วันหนึ่ง เกิดเสียชีวิต จึงมักเกิดความลังเล ทำไมจึงเป็นแบบนั้น
แต่สิ่งที่คนทั้งหลายไม่รู้ไม่เห็น คือการกระทำของคนผู้นั้น ซ่อนอะไรอยู่ ที่สำคัญที่หลวงพ่อนิพนธ์มักชี้ให้พิจารณา คือ "น้ำไหนใสมาก็ไปกับน้ำนั้น" อันหมายถึง อะไรที่เขาว่าดี เอาหมด ทุ่มเททำทุกสิ่งอย่าง
ภาพที่เห็นจึงเป็นความทุ่มเท หากแต่ความจริงเขาทุ่มเทกับทุกสิ่งที่เชื่อ
มันจึงเป็นพฤติกรรมเหยียบเรือหลายแคม
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า วันหนึ่งเรือทุกลำต้องออกจากฝั่ง ต้องเจอพายุ หากเหยียบเรือหลายแคม ช้าเร็วเรือก็ต้องแยกจากกัน เราก็หนีไม่พ้นต้องร่วงหล่นน้ำ
ผลที่เกิดนั้นเที่ยงแท้ ไม่มีหรอกที่ฟ้าดินเขาแกล้ง แม้นแต่น้อยเดียว
บทสรุป การฝึกนิสัยนี้ไว้ วันใดที่กรรมหนัก มาถึง ชีวิตจึงเกิดความเสี่ยง คว้าถูกคว้าผิด หลายคนบอกเชื่อมั่นสมุนไพร ครั้นพอวิกฤติ ด้วยนิสัยนี้ จึงมักพาไปในสิ่งที่เอาง่าย โดยเฉพาะที่ติดวิญญาน นั่นคือ ยาหมอ จะใช้ความขันติ อดทน สติของศาสนา มิได้เลย เพราะความกลัว ทั้งของตนแลคนใกล้ชิด
ด้วยเหตุเดียวคือ ไม่เชื่อเรื่องกรรม
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักให้สติว่า ศาสน์นี้คนกังขาไม่น่าเล่นของกายสิทธิ์ เพราะยามวิกฤติ ยิ่งต้องจับให้มั่น อย่าเปิดตา สร้างความคิด ความเห็น จะเกิดความกลัว แล้วปล่อยมือ
เพราะฉะนั้น หากสืบความจริง จะพบว่า คนเหล่านั้น ปล่อยมือจากศาสนา หรือคว้าผิด สิ่งที่ตนยึดถือ หรือคิดว่าจะช่วยตนได้ ไม่มีตัว ไม่มีตน ช่วยตนไม่ได้แต่จะรู้ก็ต่อเมื่อ ฝาโลงแย้ม
ไม่แปลก ที่หลายคนบอกขอลากับหลวงพ่อนิพนธ์ เมื่อตนกำลังจะหายดี ขอไปแก้บน ขอไปทำบุญที่โน่นนี่นั่น ทั้งที่คนตำยานั่งอยู่ตรงนี้ แต่ถ้าตาย โบ้ยว่า ทานสมุนไพร
อยากเห็นก็ดูบางคน สมุนไพรก็ทาน ในขณะที่ทานสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน เขาก็ทานยาอื่น ไปวัด ไปเป่าหัวพรหมน้ำมนต์