ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2561
ไม่เคย ไม่รู้
เราได้ยินได้ฟังหลายต่อหลายคน กล่าวกับหลวงพ่อนิพนธ์ อ้างเอ่ยเสมอว่า การกระทำของตน สำรวจดูแล้วไม่เคยสร้างบาปสร้างกรรมอันใดเลย
มิหนำซ้ำตลอดชีวิต ที่มีอาชีพสุจริต ไม่เคยปล้นชิง คดโกงผู้ใดแม้นแต่ครั้งเดียว แถมยังช่วยเหลือสังคม บริจาคการกุศลสารพัดสารพัน ที่ผ่านมาไม่ว่า วัดวาอาราม ก็ทำมากจนจำไม่ไหว
แล้วทำไม ตนเองจึงมาเป็นโรค เช่นนี้ได้ ในเมื่อสร้างความดี สร้างบุญ ช่วยเขาก็มากมาย สิ่งที่ทำไปไหน ไม่มาช่วยตนในวันนี้เลย
ยิ่งเรื่องฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ไม่มีเลยแม้นแต่มดยังไม่กล้า ถือศีล ภาวนา เป็นอาจิณ เรียกได้ว่า ตัวแม่เลยก็ว่าได้
หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณาว่า ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ด้วยความไม่รู้ในเรื่องของศาสนา นั่นเอง สิ่งที่ทำจึงหาผลตอบแทนได้เพียงน้อยนิด แม้นจะทำมากสักเท่าไหร่
คนทั้งหลายไปวัด ไปหาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของตน ไปทำตามความเชื่อของตน แล้วก็เหมาเอาเองว่า ... ทำแล้ว ต้องได้
ไม่เคยรู้เลยว่า ผลถูก ย่อมมาจากเหตุที่ถูก นึกทึกทักกันเองว่าการกระทำของตนถูก แล้วผลถูกต้องบังเกิดกับตน
นี่แหละหลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า ทำไมต้องมาวัด ต้องมาหาผู้ปฏิบัติ แลผู้ปฏิบัตินั้น ก็ต้องเป็นผู้ที่เดินตามรอยของพระพุทธเจ้า ชี้หนทางที่ถูก มาวัด มาเรียนรู้ เรื่อง "บาป เรื่อง กรรม เรื่อง บุญ" ว่ากระทำโดยวิธีใด
พระพุทธพยากรณ์ ทรงเล็งเห็น จึงให้สติ ในเรื่อง "ความเชื่อ" แลทุกตัวคนก็รู้ แต่จะมีคนไหนหละที่พิสูจน์ เดินตาม ล้วนแล้วแต่เขาอ้างเอ่ยว่าดี ก็ทำตาม ยิ่งถูกจริตตนด้วยแล้ว หลวงพ่อนิพนธ์ยกเรื่อง อาทิ การสร้างพระ สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร ที่คนไทยชอบกันหนักหนา อ้างกันหนักหนาว่า "บุญใหญ่" แล้วให้ย้อนไปดูอินเดีย มีที่ไหน พระพุทธรูปใหญ่ที่สุดในโลก โบสถ์ใหญ่ที่สุดในโลก วิหารใหญ่ที่สุดในโลก ไม่มีเลย แม้นแต่แห่งเดียว ถามเถอะแล้วเราท่านกำลังเดินตามใคร หลงทางหรือไม่
บทสรุป ถ้าไม่ไปเรียนรู้ เรื่องของศาสนา "บุญ บาป" แท้จริงเป็นเช่นไร มาจากไหน เกิดโดยวิธีใด แล้วมานั่งทำตามความเชื่อ ความเห็น ของตน ก็อย่ามาร้องเลย ว่าตนไม่เคยทำบาป ตนสร้างแต่บุญ ที่ไหนได้กว่าจะรู้ตัว บาปก็รวมกันมาเป็นโรค เป็นตัวเป็นตนให้ทุกข์แล้ว บุญที่บอกว่าสร้างมามากมาย กลายเป็นลม ช่วยตนไม่ได้แม้นแต่น้อย
ยิ่งเห็นหลายคน มามูลนิธิ ท่านอาสิ ก็พยายามโน้มน้าว ชี้ช่อง ก็หาฟังไม่ ทำตนเป็นแก้วคว่ำ รอฝน แล้วก็บ่น ว่าทำไมสภาพตนยังไม่ดีขึ้นเลย ในขณะที่คนอื่น แย่กว่าตนอีก ดูสิอย่างคุณแตน มะเร็งปอด หมอตัดปอดไปข้างหนึ่ง ลามไปลำไส้ หมอตัดลำไส้ไปเป็นเมตร ต้องห้อยถุงหน้าท้อง ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตปกติ จนหมอให้เป็นกรณีตัวอย่าง และมักแซวเสมอ รุ่นเดียวกันเขาตายกันไปหมดแล้ว โดยที่หมอไม่รู้เลย เธอไม่เคยทานยาหมออีกเลย ตั้งแต่มาหาหลวงพ่อนิพนธ์ ไปหาหมอ ก็แค่ตรวจเท่านั้นเอง
สิ่งที่ควรคิด ก็แล้วคุณแตนทำอะไร ทำอย่างไร ทำตามใคร
จำคำท่านอาสิไว้ "รู้เขา รู้เรา" นี่จะไปรบ เขาก็ไม่รู้ เราก็ไม่รู้ ไม่ใช่ไม่มีคนรู้ ไม่มีคนสอน แต่ไม่เข้าไปหาต่างหาก จึงไม่รู้ แล้วก็มาบ่น ทำไมไม่หายสักที หรือ หวังแต่ปาฏิหารย์ โดยไม่ทำอะไร ไม่แก้ไขตนสักสิ่งอย่าง ... มันจะเป็นไปได้ อย่างเก่ง ก็หนึ่งใน... ท่านจะเฮงเป็นคนนั้นหรือ
วัดแถวบ้าน ศาลเจ้าแถวบ้าน เข้ามาตั้งแต่เด็ก จนทุกวันนี้ ช่วยตนไม่ได้ ก็ยังบอกตนต้องไป แต่วัดของหลวงพ่อนิพนธ์ ไม่เคยไป ไม่คิดจะไป แต่ไปแล้ว เรียนแล้ว ช่วยตนได้ ไม่เรียกกรรมบังตา บังใจ ก็ไม่รู้เรียกอะไร ... นี่แหละอำนาจกรรม
แม่ชีเมี้ยนชี้ให้พิจารณา พระโคดมพิจารณามนุษย์ ในเรื่องการทำทาน เห็นพฤติกรรมแล้วเสียดาย ที่คนทั้งหลายปรารถนาทาน แล้วทำ แต่การกระทำของตน ทำไปโดยไม่รู้ ผลแห่งทานที่ตนทำของคนส่วนใหญ่ ก็ได้เพียงส่วนเดียว จะหาคนได้ถึงสี่ส่วนก็น้อยนิด ยิ่งถึงแปดส่วนแทนนับตัวคนได้ ไม่ต้องพูดถึงสิบส่วนเลย หาไม่ได้ ด้วยไม่รู้เรื่องของทานนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์จึงทิ้งสำนักสงฆ์ไว้ให้ ให้เป็นองค์ความรู้ ที่คนอยากได้ อยากทำให้ถูกต้องในร่องธรรม ไปเรียนจากผู้ปฏิบัติ เพื่อให้ผลแห่งการกระทำของตน สมบูรณ์ผล ย้อนมาช่วยตนได้ เสียดาย คนทั้งหลายกลับบอก ไม่มีเวลา .... แล้วก็ถ่ายรูปเซลฟี่ ดิดแฮชแท็ก ว่ากำลังไปเที่ยวที่โน่นนี่นั่น