วันจันทร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2561

ลงแดง


ศัพท์ของถ้ำกระบอกในยุคเฟื่องฟูแลเป็นที่รู้กันจากหนังเรื่อง น้ำพุ นั่นคือ "ลงแดง"

คนมากหลายไม่รู้ ก็บอกมันหมายถึงการอาเจียนพุ่งออกมา นั่นแหละลงแดง บางคนเหมารวมไปถึงว่า การรักษายาเสพติดของถ้ำกระบอกนั้น ก็คือ ทานยาตัด แล้วทานน้ำเยอะๆ ให้อาเจียนออก นั่นพูดโดยไม่รู้

ซ้ำร้ายกว่านั้นอีก บางที่ บางแห่ง ก็เลยทำเลียนแบบ หาตัวยามา แล้วก็ให้ทานน้ำ พยายามให้อาเจียนมากๆ จนในที่สุด ก็ดั่งเป็นข่าว คือ อาเจียนเป็นเลือดตาย ก็มีให้เห็น นั่นทำไปโดยไม่รู้

หากแต่ศาสตร์สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า กระบวนการทำงานของสมุนไพรนั้น คือ การทำให้เซลล์ของร่างกายถูกกระตุ้น ตื่นตัว และเกิดการขยับตัว ดิ้นรน ทำให้สิ่งแปลกปลอมหลุดออก หรือ ลอยตัว นั่นแหละคือ อาการลงแดง

ในกรณีของยาเสพติด เมื่อร่างกายขาดสารยา จะเกิดอาการเสี้ยนยา และรู้สึกเจ็บปวดทรมาน อันเป็นผลเนื่องจาก การรัดตัวของสารยาที่กระดูก คนทั้งหลายจึงทนไม่ได้ เมื่อทานสมุนไพรยาตัด จะทำหน้าที่ไปกระตุ้นเซลล์ของร่างกาย ให้ขยับตัว แล้วสารยาเสพติดนั้น จะหลุดออกหรือ ลอยตัว และถูกกระบวนการของร่างกาย รีดผ่านต่อมไร้ท่อ ลงมาที่กระเพาะ แล้วจึงอาเจียนออก

หากยังเสพยาอยู่ อาการรัดตัวดังกล่าวก็จะไม่เกิด การกระตุ้นเซลล์ก็ได้ผลไม่เต็มที่ ดังนั้น จึงไม่แปลกที่บทเริ่มของถ้ำกระบอก จึงต้องให้หยุดเสพ แล้วรอจนกว่าอาการลงแดงจะเกิดขึ้น จึงให้ยาตัด

ความแตกต่างของกระบวนการสมุนไพรของถ้ำกระบอกกับวิธีอื่น ในอดีต ที่ยุโรปและอเมริกาส่งรถโมบายมาตรวจสอบที่ถ้ำ นั่นก็คือ การวัดค่าของเลือด แลที่ได้รับการยอมรับ นั่นก็คือ สามารถทำให้ค่าเลือดกลับมาปกติได้นั่นเอง มิใช่ หยุดยาเสพติดได้ เท่านั้นยังไม่พอ เหมือนดั่งที่เป็นเป้าหมายของหลายที่ในวันนี้ ที่เอาไปกักพื้นที่ ๗ วันให้หลัง ก็ไม่เสพได้ แล้วก็กล่าวว่านั่นคือการบำบัดได้แล้ว แต่ไม่สนค่าเลือด ไม่สนสารยาที่ตกค้างในกระดูกแต่อย่างใด เอาแต่กายภาพ ผลก็คือ ในไม่ช้า ก็จะเวียนกลับไปเสพอีกอย่างง่ายดาย จะรอดก็แต่เฉพาะคนที่มีสภาพยังดีอยู่ เสพไม่นาน ไม่มีโรคซ่อน เท่านั้นเอง

สิ่งหนึ่ง ที่คนทั่วไปไม่รู้ นั่นคือ การเสพยาในอดีต หรือ เฮโรอีน คนมากหลายไม่ได้เสพ เพราะอยากเสพ แต่เมื่อเสพแล้ว สามารถหยุดอาการที่เกิดจากโรคที่ตนเป็นได้ เพราะความแรงของฤทธิ์ยาเสพติดนั่นเอง นี่ก็เป็นปัญหาที่กระบวนการของยุคนี้ผจญ เพราะวันใดที่อาการของโรคหวนเพราะขาดสารยา คนก็จักย้อนไปเสพอีก ไม่ใช่เพราะนิสัยสันดาน แต่เพราะทนอาการโรคไม่ไหว

สิ่งนี้เอง เป็นจุดเริ่มของการรักษาโรคทั่วไป เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์พบว่า คนเสพยาที่มาบำบัด เมื่อหายแล้ว โรคดังกล่าวก็หายด้วย นั่นคือ สรรพคุณของยาตัด ถ้ำกระบอกยุคนั้น เคลียร่างกายให้หมดจดนั่นเอง

หากแต่การรักษาคนทั่วไปในยุคนั้น ต่างกับยุคนี้อย่างสิ้นเชิง นั่นคือ เริ่มด้วยการสร้างคุณสมบัติก่อน นั่นคือ การมีวันพระ ที่คนต้องมาทำการพัฒนาฟื้นฟูจิดใจ จิตวิญญาณของตน ให้อยู่ในร่องธรรม ช่วงระยะเวลาหนึ่ง เมื่อทำได้ จึงพิจารณา ให้ยาตัด แก่คนที่เป็นโรคทั่วไป แล้วก็กลายกันเป็นที่ร่ำลือว่า ผู้ใดได้ทานยาตัด ครบ ๕ แก้ว หายทุกตัวคน

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า ที่เป็นเช่นนั้น เพราะมีคุณสมบัติ มีวัตรปฏิบัติ เป็นเครื่องรองรับเป็นสำคัญ หาใช่ด้วยสมุนไพรประการเดียวไม่ นั่นคือ มีเป้าหมายว่า การทานสมุนไพรนั้นเพื่อสิ่งใด ไม่ใช่แค่การหายโรค แต่อยู่ที่การเป็นคนดี มีธรรม

มาวันนี้ การทานสมุนไพรที่มูลนิธิไทยกรุณา คนส่วนใหญ่จะเอาแต่สมุนไพร ไม่สนใจคุณสมบัติ ที่สาหัสยิ่งกว่าก็คือ ไม่เอา "ลงแดง" ด้วยนี่สิ นั่นคือ เมื่อสมุนไพรคุ้ยโรค ย่อมต้องเกิดอาการ ย่อมต้องเกิดผลที่โรคแสดงอาการ ปวด ร้อน คัน อึแตก ฉี่แตก อ๊วกแตก ดั่งที่คุณปรียานุชเขียนในหนังสือ แต่คนยุคนี้ไม่เอาเลย จะเอาแต่หายแบบสบายๆ เดินพรมแดง ไม่คิดเลยว่า สิ่งที่เกิด นั่นกรรมเราทำมา เราให้ทุกข์แก่ผู้อื่น วันนี้ มันย้อนมาให้ทุกข์แก่ตน .... พูดง่ายๆ ไม่เชื่อว่า "กรรมมีจริง" ไม่เชื่อว่า "โรคเกิดจากกรรม"

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า สิ่งดีที่ปรากฎ นั่นคือ "ลงแดง" อันเป็นการบ่งบอกว่า ร่างกายมีความสามารถในการคุ้ยเขี่ย เข้าถึงเหตุแห่งโรคแล้ว กลายเป็นสิ่งเลวร้าย ที่คนไม่ยอมรับ ปฏิเสธ แล้วบอกว่าไม่ดี ทั้งๆที่เป็นปฐมบท เป็นการเปิดแง้มประตูของการหายโรค ไม่เรียก เห็นดอกบัวเป็นกงจักร ได้ไง

ไม้ตายของการหายโรค นั่นคือ "ขันติ อดทน" ท่านอาสิชี้ว่า คือ การทำตนเป็นคนจริง กรรมเราทำไว้แล้ว เราก็ยืดอกยอมรับ ยอมทุกข์กับอาการ ยอมทุกข์กับการทานสมุนไพร ผู้ใดทำได้ หายโรคก็เป็นไปได้ทุกตัวคน

พวกผู้ดีตีนแดง เหยียบขึ้ไก่ไม่ฝ่อ ... หนทางสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ... คงไม่เหมาะ คงช่วยไม่ได้ เพราะแค่เจ็บนิด ร้อนหน่อย คันก็ไม่เอาแล้ว สิ่งที่ทำมาก็ไร้ผล ในที่สุดก็ย้อนกลับไปหายาเคมี หายาแก้ปวด แก้คัน

จำไว้น่ะ ถ้าลงแดง แล้วทนได้ ก็หายโรคได้ ควรปิติว่าวันที่เราท่านจะหายโรค นับถอยหลัง ตั้งแต่วันเริ่มลงแดงแล้วนั่นเอง ชัยชนะอยู่แค่เอื้อม ทนอีกนิดเท่านั้นเอง

แต่ที่สำคัญกว่า หายแล้วจะทำตนอย่างไร ฤาจะเวียนไปทำนิสัยเดิม ที่สร้างทุกข์ในวันนี้ ถ้าเป็นเช่นนั้น บทสรุปก็คงไม่ต่างจากเดิม ถ้าโรคไม่หวน หายโรคนี้ก็ไปเป็นโรคนั้น หนักหน่อยหลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า เจอกรรมสรุปเลย เล่นอุบัติภัย จบชีวิตเลย ก็มีให้เห็นมากมายนับแต่ยุคปี ๓๐ มาแล้ว


ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44