หลายคนสงสัยว่า ทำไมถ้ำกระบอกที่ได้ชื่อว่า เป็นแหล่งรักษายาเสพติด หากแต่เมื่อเวลาผ่านไป การตั้งสำนักของหลวงพ่อนิพนธ์ ที่ ต.โคกตูม ลพบุรี ในปี ๓๐ จึงมีการรักษาโรคทั่วไปด้วย
เหตุประการหนึ่ง ด้วยคนทั่วไปสนใจแต่ยาเสพติด นั่นเอง แลการรักษาโรค ก็เป็นคนส่วนน้อย ที่ซึ่งมักจะเป็นหน้าที่ของหลวงพ่อนิพนธ์ ผู้เป็นน้อง ต่างกับท่านจรูญแลท่านเจริญ ที่รับหน้าที่คนป่วยส่วนใหญ่ คือ ยาเสพติดนั่นเอง
คำสั่งเสียประการหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยนมีต่อหลวงพ่อนิพนธ์ เมื่อครั้งต้องออกจากถ้ำกระบอกในปี ๒๕๑๐ ท่านกล่าวว่า ตำราสมุนไพรที่ฉันให้ รวมถึงโรคที่ยังไม่มีในวันนี้ แต่จะบังเกิดเป็นที่รู้จักในอีก ๒๐ ปี ข้างหน้า นั่นคือ โรคเอดส์ ท่านจึงแนะนำหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ถ้าจะเอาผล นั่นคือ โรคที่คนป่วยมักจะให้ความร่วมมือ ก็ควรเลือก คนป่วยยาเสพติด และ เอดส์ นี้แหละ เพราะทั้งสองโรคนี้ ไม่ได้เกิดจากเชื้อโรค ที่สำคัญ มีผลต่อชีวิตอย่างใหญ่หลวง อันจะทำให้ผลสำเร็จเกิดได้ง่าย
หากแต่ ด้วยความมีเมตตาของหลวงพ่อนิพนธ์ ท่านจึงยังคงรับโรคทุกชนิด เฉกที่เคยทำในยุคถ้ำกระบอก นั่นจึงเป็นงานที่ยากเย็นแสนเข็ญ โดยเฉพาะไม่ใช่โรคตาย หรือที่เรียกโรคทรมาน เป็นแล้วยังอยู่ได้อีกนาน อาทิ อัมพฤกต์ เบาหวาน โรคไต ... ทำให้คนเหล่านั้น ยากที่จะร่วมมือ ร่วมใจ เดินตามแนวทางให้พ้น ด้วยยังมีทางเลือก ยังมีพรหมลิขิต ยังมีวันเวลา คนเหล่านี้จึงประมาท ไม่กระตือรือล้น
แลกล่าวว่า ตำราที่ฉันให้ ให้เพื่อตอบแทนคุณแผ่นดิน
มาวันนี้ สถิติก็ชี้ชัด ประเทศไทย มีสถิติผู้ป่วยเอดส์ มากที่สุดในอาเซียน นั่นคือ นับล้านคนแล้ว เรียกได้ว่า จากคนที่เดินผ่านกันไปมา ทุก หกเจ็ดสิบคนที่สวนกัน จะมีผู้ติดเชื้อหนึ่งคน นั่นเอง แลสถิติล่าสุด เฉพาะในเขตกรุงเทพ ก็มีเกือบแสนคน นั่นยังไม่สำคัญ เพราะมันเกิดขึ้นแล้ว แต่สถิติที่น่ากลัวนั่นคือ ในกรุงเทพ จะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นจากประมาณการณ์ในปีนี้ กว่าสองพันคน ...
คนทั้งหลาย กลัวลูกติดเกมส์ กลัวลูกติดยาเสพติด กลัวลูกไปแว้น .. หากแต่มีน้อยคนจะคิดว่า ลูกเราจะเป็นหนึ่งในสองพันนั้นหรือไม่ เพราะนั่นคือ หายนะของอนาคตในชีวิตของลูกเราท่านนั่นเอง ที่ต้องสูญเสียไปอย่างน่าเสียดาย เช่น คุณแก้ว
ความทุ่มเทอุตสาหะตั้งใจ มุ่งมั่นเรียน เพื่ออนาคต กลับต้องมลายหายไป ด้วยภัยมืด ที่ผู้ใหญ่ในบ้านในเมือง ไม่มีใครกระตุ้นเตือนให้พึงระวังระไว นี่คือ หายนะของบ้านเมือง เป็นระเบิดเวลาที่รออยู่
หลวงพ่อนิพนธ์เคยพูดเล่นๆเสมอว่า วันหนึ่งที่บ้านเมืองประสพวิกฤต สภาพเศรษฐกิจย่ำแย่ ขาดเงินคงคลัง นั่นย่อมหมายถึง ความพึ่งพาของคนเหล่านี้ การเข้าถึงยาของคนเหล่านี้ ที่เคยได้ในยามเศรษฐกิจดี จะหดหาย ลดน้อยถอยลง แลคนเหล่านี้ เสพติดยา จนเรียกว่า ขาดไม่ได้ ด้วยเชื่อในหมอ ในวิทยาการสมัยใหม่ เรียกได้ว่า แค่ CD4 ค่าเดียว ก็สร้างโรคประสาทเพิ่มขึ้นแก่คนเหล่านั้นได้อย่างง่ายดาย
คำถามง่ายๆ แต่เป็นเรื่องไม่ง่าย จะทำอย่างไร ถ้าคนเหล่านี้ออกมาเรียกร้อง มาเดินถนน พร้อมกัน แลถ้าสิ่งที่เรียกร้องไม่ได้ อาจจะมีเหมือนกรณีในอดีต นั่นคือ เอาเข็มแทงตัวเอง แล้วไปจิ้มใส่คนอื่น
เราก็อยากจะบอกคนเหล่านั้นว่า อย่าทำเช่นนั้นเลย วันนี้ ท่านทั้งหลายที่เป็น อาจจะเชื่อมั่นในหมอ ในวิทยาการ ทั้งๆที่ไม่เคยมีคนประสพผลสำเร็จ ไม่เคยมีใครหาย อย่างดีก็อยู่ได้ในสภาพที่ตนรับได้ แต่หลวงพ่อนิพนธ์ทำให้เห็น ว่าสมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา แลธรรมคำสอนของพระภูมี สามารถเปลี่ยนพรหมลิขิตอันนี้ได้ หากเชื่อ พิจารณา แล้วทำตาม
บทสรุป น่าเสียดายที่วันนี้ ไม่มีแม้นแต่คนเดียว ที่มีอำนาจ วาสนา คิดจะช่วย แต่แม่ชีเมี้ยน พร้อม ที่จะช่วยคนเหล่านี้ เสมือนครั้งหนึ่ง ที่เคยช่วยประเทศ ในการแก้ปัญหายาเสพติด ที่สำคัญ สิ่งที่แม่ชีเมี้ยนทิ้งไว้ให้ มิเพียงแต่ได้คนหายโรค ได้ทรัพยากรบุคคลของประเทศที่ดี กลับคืนมา ที่สำคัญกว่าคือ ได้คนดี
ก็ยังคงกล่าวคำเดิม น่าเสียดาย คนที่เป็นแล้วหาย เขาก็ไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครรู้จัก คนที่เป็นที่รู้จักเป็นโรคนี้ ก็ยังไม่มีใครอาสามาทำตนรอด ให้คนทั้งหลายดู แต่ก็นั่นแหละ วันเวลาย่อมเป็นเครื่องพิสูจน์ วันนี้ มันไม่มี เพราะผลประโยชน์มันใหญ่ แต่วันหน้า เมื่อผลประโยชน์มันไม่มี ด้วยขาดเงิน งบประมาณแต่ผลทุกข์ของคนเหล่านี้ จะเป็นตัวพามาหาสมุนไพรของแม่ชีเมี้ยนเอง สิ่งที่ท่านทิ้งไว้ให้ ก็คงได้ตอบแทนคุณแผ่นดิน
วันนี้ ก็ตัวใครตัวมัน ลูกใคร หลานใคร เอาแค่กรุงเทพฯ จะเป็นหนึ่งในสองพัน เสี่ยงกันเอง
ใครหน้าไหน ว่ามียาดี ก็ว่ากันไป ใครหน้าไหนรอยารักษา ก็รอไปเถอะ ไม่มีวันถึง น่าสงสัย ทำไมเชื่อหมอ เชื่อยา แต่ไม่เชื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า นี่แหละกรรม