วันจันทร์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ที่เดียว


ท่านอาสิชี้ให้เห็นกระบวนการหรือหลักการในการฟื้นฟูตน เปรียบเทียบให้เห็นสิ่งที่วิทยาศาสตร์ชี้ว่าเป็นเหตุ นั่นคือเชื้อโรค แลหนทางที่จะรักษานั่นคือเดินหน้าฆ่าหรือกำจัด ด้วยกระบวนการต่างๆ ที่วิทยาการพึงทำได้

หากแต่ศาสตร์ของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ไม่ทำเช่นนั้น มองเหตุมาแต่กรรม หนทางรักษามิใช่ด้วยการเข่นฆ่า หากแต่อาศัยความแข็งแกร่ง ขันติ อดทน ในการแย่งพื้นที่ของตนกลับมา

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้กระบวนการฟื้นฟูให้เห็นภาพว่า ธรรมชาติทำอย่างไร โดยอุปมาตัวเราเสมือนมีห้องมากมายที่เซลล์ของเรายึดครองอยู่ เหมือนเมืองที่มีบ้าน เมื่อมีโรคคือผู้รุกราน มายึดบ้านที่เซลล์อยู่ จะกอบกู้โดยวิธีใด

วิทยาการปัจจุบันบอก ทิ้งระเบิดบอมบ์ให้เชื้อมันตาย แต่ก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดทุกตัวตน อุปมาอเมริกาทิ้งบอมบ์เวียตนามที่รบแบบกองโจร แยกได้ยาก หาตัวก็ยาก

ผลก็คือ เชื้อโรคตายหมดหรือเปล่าไม่รู้ แต่บ้านและประชากรเซลล์ของเราท่านล้มหายตายจากไปด้วย แลพื้นที่นั้นก็ว่างลง

ถ้าโชคดี เชื้อร้ายตายกลี้ยงเซลล์เราท่านก็กลับมายึดพื้นที่ ฟื้นฟูสร้างบ้านขึ้นมาใหม่ เหมือนดังเดิม แต่ถ้าไม่เชื้อโรคร้ายที่แข็งแกร่กว่าก็สามารถเข้ายึดได้โดยสะดวกขึ้นเพราะไร้การต่อต้าน

ผลที่ปรากฎก็คือ ในระยะแรกภาพจะดูเหมนดีขึ้น แต่พอโรคตั้งตัวได้จะขยายพื้นที่อย่างรวดเร็ว อาการจะหวนกลับและรุนแรงขึ้น

แถมยังได้พื้นที่ใหม่ที่แต่เดิมไม่มีเชื้อ แต่ด้วยไม่รู้ทิ้งระเบิดมั่ว กลายเป็นพื้นที่ว่างให้ยึดครองแถมมาอีก นั่นคือ ยิ่งรักษาโรคยิ่งเพิ่ม

จึงสรุปผลการรบได้ตั้งแต่แรก หากใช้วิธีนี้คือ ไม่มีทางชนะโรคได้เลย

วิธีของพระภูมีนั้นชาญฉลาดยิ่ง เพราะใช้กระบวนารเสริมสร้างเซลล์ของเราท่านให้แข็งแรง ล้อมเอาไว้ หลังจากนั้นก็ใช้ชี้เป้า อย่างในโรคเอดส์ หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า เดิมเซลล์จะแยกพวกไม่ได้ ทหารคือเม็ดเลือดขาว และประชาชนก็ไม่รู้ใครเป็นใครเหมือน อเมริกา แยกพวกเวียตกงไม่ได้ ไม่รู้คนไหนทหารคนไหนชาวบ้าน

หลังจากนั้นก็อาศัยความแข็งแกร่งของเซลล์ที่ฝึกมา สร้างสภาวะบีบคั้นเซลล์เชื้อโรค เช่นแย่งอาหาร ถ้าเชื้อชอบเย็นก็ใช้ไฟธาตุของสมุนไพรสุมเข้าไป เชื้อทนไม่ไหวก็ต้องถอยร่นออก เซลล์ร่างกายก็ต้อนไปให้ออกจากร่างกาย ไม่จำเป็นต้องฆ่า

บางส่วนก็เกลี้ยกล่อมจากเซลล์ร้ายให้กลับมาเป็นเซลล์ดี ถ้าทำได้ อาศัยความไม่เครียดไม่โกรธ เปลี่ยนสภาวะจากกรดให้เป็นด่าง

จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ทำไม อ.อร่าม มักยกตัวอย่างผู้หญิงวัยทอง ที่เป็นมะเร็งมดลูก จึงเกิดสภาวะเหมือนมีประจำเดือนอีก นั่นแหละเชื้อที่ถูกขับออกมา สูญเสียพื้นที่ครองให้กับร่างกายที่มีเซลล์ที่แข็งแกร่งกว่าแล้วนั่นเอง

การ ปวด ร้อน คัน อาเจียน ฉี่แตก อึแตก จึงเป็นภาพที่ชินตา เกิดขึ้นตลอด จนกว่าพื้นที่จะเคลียร์ได้หมด

หากใครเห็นภาพอดีตที่หลวงพ่อนิพนธ์รักษายาเสพติด จะเห็นเลยว่า ยาแก้วแรกที่คนป่วยทาน แม้แต่ยามะพร้าว ทานปุ๊บ อาเจียนปั๊บ ก็เพราะสารยาเสพติด อยู่ที่ปาก และ ลำคอ นั่นเอง พอแก้วสองก็ช้าหน่อย ไปเรื่อยๆ บางทีที่พระชอบพูดเล่น คือเล่นทั้งบนทั้งล่าง เข้าห้องน้ำแทบไม่ทันก็เห็นบ่อย

บทสรุป พื้นที่มีที่เดียว โรคเอาชนะเซลล์ได้ มิใช่โรคเก่งเหนือเซลล์ เพราะเซลล์ทหารคือเม็ดเลือดขาว นั้นเก่งกว่าอยู่แล้ว เราท่านจึงปลอดภัยเสมอมา แต่เมื่อมีอำนาจกรรมหนุน กอบกับความไม่รู้ ทำลายตนเองด้วยยาเคมีบ้าง อื่นๆบ้าง ทำให้พ่ายแพ้ การจะช่วงชิงคืน จึงทำโดยลำพังเซลล์ไม่ได้ นี่แลทำไมต้องทานสมุนไพร ให้เซลล์มีภูมิที่แข็งแกร่ง ก็ยังไม่พอต้องอาศัยอำนาจบุญหนุนหลัง เพื่อสู้อำนาจกรรมด้วย ผลจึงเบ็ดเสร็จ ชนะเด็ดขาดแน่นอน เสมือนชี้เป้าให้ทหารเซลล์เห็น เซลล์โรคร้ายที่ปลอมตัวมา

หลวงพ่อนิพนธ์จึงเรียกว่า “วิธี ตาต่อตา ฟันต่อฟัน“ ใครดีใครอยู่ ใครอึดกว่าชนะ เฉกเช่นถ้าเราท่านฝึกเข้ากระโจมจนเซลล์สมองคุ้นชิน ทนอุณหภูมิ 50-60 องศาได้ พอเป็นมาลาเรีย ที่สร้างอุณหภูมิ 40-41 องศาในสมอง แล้วทานสมุนไพรเหลือง สร้างไฟธาตุ 50 ไปที่สมอง ผลก็คือ มาลาเรียอยู่ไม่ไหว เซลล์สมองทนได้สบาย เหมือนนักกีฬาฝึกโหดมาแล้ว ไม่ต้องฆ่าเชื้อหรอก มันอยู่ไม่ไ้ด้ก็ไปเอง ร่างกายก็ไม่บอบช้ำ ไม่มีใครตาย มีแต่ปวดเข้าห้องน้ำถ่ายออกก็เท่านั้นเอง

มิต้องสงสัยเลย ทำไมหลักของพระภูมจึงเรียกหลักปราชญ์ อยากให้คนเช่าบ้านที่ไม่ดีออก ไม่ต้องฆ่าหรอก ตัดน้ำตัดไฟ ปิดหน้าต่าง มันอยู่ไม่ได้ก็ไปเอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44