วันศุกร์ที่ 1 ธันวาคม พ.ศ. 2560

เป็นหรือตาย


หลายคนมักปฏิเสธว่า การเป็นโรค มีเหตุที่มา คือ กรรม

แล้วก็อ้างเอ่ยสาเหตุ ว่ามาจากพฤติกรรมผิดๆบ้างหล่ะ

แล้วก็ไปปรับเปลี่ยนพฤติกรรม อ้างว่ากินของทอดไหม้เกรียม ก็เลิกทาน อ้างว่า กินนอนไม่เป็นเวลา ก็ไปปรับเปลี่ยน อ้างกินอาหารขยะ พวกฟาสต์ฟู๊ด ก็เลิกทาน แล้วมีใครรอด หายโรค อย่างเก่งก็แค่ยื้อ

นี่แหละ ของเป็นของตาย มันต่างกัน

หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้พิจารณาว่า ของตาย เมื่อทำสิ่งใด ผลก็ย่อมเป็นที่แน่นอน เรากดเปิดไฟ ไฟมันก็เปิด เรากดปิดไฟ ไฟมันก็ปิด ถ้ามันทำงานถูกต้อง แลก็จะเป็นเช่นนั้นตลอดกาล นี่แหละของตาย ให้ผลที่แน่นอน ส่วนของเป็นนี่ คือ คาดเดาผลไม่ได้เลย เช่นมนุษย์ เรายิ้มให้ ไม่ได้บอกว่า คนผู้นั้นจักต้องยิ้มตอบ มีปัจจัยมากมายหลายอย่าง นอกเสียจากคนผู้นั้น มีนิสัยที่ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่าจะมีอะไรมากระทบ

หากโรคเป็นของตาย กระบวนการแก้ไขก็คงง่าย นั่นคือ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมประจำวัน ก็จบ ไม่เกี่ยวกับเวรกรรม แต่ความเป็นจริง มันเป็นของเป็น เกี่ยวกับเวรกรรม คือ การกระทำของคน เป็นสำคัญ ตราบใดที่นิสัยสันดานยังคงอยู่ อุปมาเสมือนรากเหง้ายังอยู่ ทำสักฉันใด ไม่ว่า จะตัด จะฉายแสง คีโม มันก็สามารถเจริญเติบโตขึ้นมาใหม่ได้ ทำสักฉันใดวิธีใด ยาตัวไหน ก็โค่นไม่ลง

บทสรุป หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า เราท่านอย่าเสียเวลาไปหายารักษาโรคเลย ไม่มีหรอก เชื่อพระพุทธเจ้า แล้วแก้ที่ต้นเหตุ คือ รักษาใจ สร้างการกระทำใหม่ โดยใช้นิสัยพระพุทธเจ้า นั่นแหละ จึงทำลายรากเหง้าที่มาของโรคที่เกิดกับเราท่านลงได้อย่างราบคาบ

หากเข้าใจ การฟื้นฟูตน ทำตามศาสนาสอน เริ่มที่ความกตัญญู แล้วแสดงพฤติกรรม ไปลามาไหว้ แค่นี้หลวงพ่อนิพนธ์ก็บอกว่า โรคหายไปกว่าครึ่งแล้ว เพราะนี่คือคุณสมบัติเบื้องต้น

แต่ไม่ใช่ด้วยการยกมือ ....

หากแต่ทำด้วยนิสัย การมา คือ เอานิสัยพระเวสสันดรมาไหว้ คิดถึงผู้อื่น ให้สุขแก่ผู้อื่นเป็นอุปนิสัย เราท่านก็ควรมาแล้วไหว้ แม่ชีเมี้ยน พระพุทธ ครูบาอาจารย์ ด้วยมีสติ หลวงพ่อนิพนธ์ก็ชี้ว่า ระหว่างสัปดาห์ เห็นขวดเปล่า ก็ล้างมาใส่สมุนไพร เห็นมะนาว พริก มะกรูด ที่บ้านมี ก็หยิบมาลูกสองลูก ทำสมุนไพรให้ตน จะได้ไม่เบียดเบียนผู้อื่นจนเกินไป เหลือก็บริจาคเป็นทาน นี่แหละคือการมาไหว้ เอานิสัยพระเวสสันดรมาใส่บาตรของศาสนา หรือไม่ ก็ไหว้ด้วยพฤติกรรม รักษารูปรอยของศาสนา มีที่เว้น แลอยู่ในความสงบ ไม่ใช่เอานิสัยสันดานมาบรรเลงในแผ่นดินของเขา ครั้นจะกลับ มาลา ก็เอาสิ่งที่ทำได้ประจำวัน มาลาแล้วขอให้สิ่งที่ตนทำได้ ช่วยให้สมปรารถนา หากมีสิ่งใดผิดพลาดพลั้งก็ขอขมาลาโทษ ในตอนลานี้เอง

คำชี้แนะของหลวงพ่อนิพนธ์ อันเป็นเคล็ดที่สำคัญ ท่านมักบอกเสมอว่า การลาที่ดี ก็คือการลาที่วางปณิธาน ในการได้กลับมาทำความดี ตามคำสั่งสอนของพระภูมีอีกครั้งในวันหน้านั่นเอง เป็นสัญญา ที่จะรักษาตัวเราท่านให้รอดปลอดภัย ได้กลับมา ทำพฤติกรรมตามรอยศาสนา เพื่อช่วยตนอีกนั่นเอง

ท่านอาสิ ก็ชี้แนะให้เห็นชัดว่า เรื่องของศาสนา เป็นเรื่อง "หมูไปไก่มา" ไม่ใช่การมาขอพร การไปมาลาไหว้ มิใช่ด้วยมือเปล่า นั่นเอง มาทำแล้วสิ่งที่ทำได้นั่นแหละ จะย้อนกลับมายังตนให้ตนสมปรารถนา มามือเปล่าก็กลับมือเปล่า นั่งปล่อยเวลาเปล่า ก็ได้แต่ลม จะหาอะไรเกื้อกูลชีวิต คงไม่มี

ใครจะว่า โรค มาจากเชื้อโรคนี่นั่น มาจากพฤติกรรมนี่นั่น ก็ว่าไป และมียารักษา ก็รอไป ..... โรค ไม่เกี่ยวกับเวรกรรม ... ก็แล้วแต่ หากแต่ตัวเลขของการตายด้วยโรค ย่อมสะท้อนว่า วิธีที่คนทั้งโลกใช้ มันผิด ผลถูกคือหายโรค มันจึงไม่มี ตัวเลขมันจึงมีแต่เพิ่มทุกปี

ไม่เห็นหรือ คนกราบไหว้ พระพุทธทั่วแผ่นดิน มีใครได้สมปรารถนาบ้าง นี่แหละ เพราะไม่รู้ จึงไหว้เขาไม่ถูกในร่องธรรม มันจึงเป็นความจำเป็นที่เราท่าน ต้องมีครูบาอาจารย์ มีท่านอาสิ คอยชี้แนะ ฟัง พิจารณา เชื่อ แล้วก็ทำตาม ถูกผิดวันเวลาจักเป็นเครื่องพิสูจน์ ทำถูกผลถูกย่อมเกิด .... ก็เมื่อทำแล้ว ช่วยให้กายโรคได้ จะบอกว่าผิดได้อย่างไร ส่วนที่บอกว่าถูก เพราะมันถูกจริต น่าเชื่อถือ แต่ทำแล้ว ไม่เคยมีคนรอด ..... กลับไม่เห็น นี่แล... กรรมบังตา บังใจ เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เห็นดอกบัวเป็นกงจักร

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44