เรื่องของชีวิต เป็นเรื่องของของเป็น เพราะสิ่งเป็นจึงมีชีวิต เมื่อยังมีชีวิต จึงหมายความว่า ยังไม่ตาย แต่ที่เห็นไม่กระดุกกระดิก ไม่ได้แปลว่าตาย แต่มันแค่สลบ หรืออยู่ในสภาวะจำศีล เท่านั้นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายความจริงนี้ ให้พิจารณาว่า ทำไมศาสตร์สมุนไพรของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา จึงฟื้นฟูร่างกายได้
ยกตัวอย่างเช่น คนเป็นโรคไต ไปหาหมอ หมอก็บอกว่า ไตเสียไปแล้วเท่านั้นส่วน เท่านี้ส่วน แล้วก็บอกถึงวิธีพยายามที่จะทำให้ไตเสื่อมน้อยลง จนไม่ไหว ก็ต้องฟอกไต แล้วก็วายในที่สุด ... แล้วก็บอกว่านั่นคือวิธีรักษา
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ในเมื่อเรายังมีชีวิตอยู่ แล้วไตจะวายจะเสียได้อย่างไร เพราะของเน่าเสียกับของดีมันอยู่ด้วยกันไม่ได้ อย่างเช่นเนื้อที่เริ่มเน่า ก็มีแต่จะทำให้เนื้อทั้งหมดเน่าไปอย่างรวดเร็ว จะมาอยู่กันค้างวัน ค้างเดือน ค้างปี นั้นไม่ได้ นั่นคือไม่มีชีวิต
ความจริงที่เกิด คือ ไตส่วนที่บอกว่าเสียนั้น ถูกเคมีกดทับ ทำให้ทำงานไม่ได้ เสมือนกับนำก้อนหินไปทับหญ้าฉันใดก็ฉันนั้น หญ้าไม่ตาย แต่ไม่โต ใบสังเคราะห์แสงไม่ได้ เพราะไม่เจอแสง แต่มันไม่ตาย
ทีนี้พอเราเอาก้อนหินออก นั่นแหละหญ้าได้น้ำได้แสงก็กลับมาโตได้อีก นี่แหละธรรมชาติของสิ่งมีชีวิต
หลักการของสมุนไพร ไม่ใช่ยารักษาโรค แต่เป็นการทำหน้าที่เสมือนยกหินออกจากหญ้านั่นเอง คือไปกระตุ้นเซลล์ให้เกิดความรู้สึก จะด้วยความร้อนจากธาตุไฟ อันเป็นผลจากการทานสมุนไพรมะพร้าว จนขยับสลัดเคมี ที่ร่างกายสกัดไม่หมดแล้วตกค้างที่ไต เหมือนตัวเราที่อยู่ในที่ร้อนมากมาก แล้วไม่สบายตัว ต้องขยับปาดเหงื่อ ถอดเสื้อประมาณนั้น เมื่อเคมีหลุดออก เซลล์ไตตรงนั้นได้อาหาร ก็กลับมาทำงานได้อีก
ปัญหาก็ตามมาอีก เมื่อเซลล์มีปฏิกิริยา พร้อมกันหลายล้านเซลล์ ผลก็คือ อาการ คนทั้งหลายทั้งปวงกลับบอกไม่อยากมีอาการ ปฏิเสธเสียอีก ไม่อยาก ร้อน ไม่อยากปวด ไม่อยากคัน อาทิที่หลวงพ่อนิพนธ์ มักแซวคนไข้ท่านหนึ่งที่เป็นผู้มีความรู้ดี ขี้สงสัย เป็นไซนัส จนโพรงจมูกไม่รับรู้กลิ่น หรือสัมผัสใดๆ วันหนึ่งก็มาโวยกลับหลวงพ่อนิพนธ์ว่า ทานสมุนไพรแล้ว ตอนนี้รู้สึกเหม็นไปหมด ได้กลิ่นอะไรก็เหม็น ก็แสบ หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า นั่นแหละเซลล์สัมผัสกลิ่นของจมูก มันเริ่มทำงาน มันเสมือนเด็กอ่อน ยังทนต่ออะไรไม่ค่อยได้ เป็นเรื่องดี สมัยก่อนที่ทนอะไรก็ได้หน่ะ นั่นมันเซลล์มันถูกยาเคมีน็อค ไม่รับรู้
เราจึงไมแปลกใจเลยว่า ทำไมคำสอนของหลวงพ่อนิพนธ์ จึงพยายามที่จะให้เลิกยาเคมี ให้เร็วที่สุด
บทสรุป หมอให้กินยาเคมี กินแล้วสภาพมีทรงกับทรุด แต่ไม่มีอาการคนชอบ แล้วบอกว่านี่คือการรักษา หลวงพ่อนิพนธ์ให้ทานสมุนไพร ทานแล้วสภาพร่างกายดีขึ้น แต่มีอาการ โน่นนิด นี่หน่อย ตลอดเวลา กลับบอกว่าไม่ดี เลยไม่รู้ว่า ใครหลอกใคร กันแน่ เพราะทานสมุนไพรแล้วดี แต่ทำตนเบื่อหน่าย มาก็อยากกลับไวๆ ฟังก็ไม่อยากฟัง ทำก็ไม่อยากจะทำ แล้วบอกอยากเจอของดี อยากเจอสิ่งศักดิ์สิทธิ์
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักให้สติว่า อย่าทำตัวเป็น "เกลียดตัวกินไข่ เกลียดปลาไหลกินน้ำแกง" อยากได้สมุนไพร แต่ไม่เอาคนสอน ไม่เอาวิธีการ จำไว้น่ะ "ตัวกระทำไม่ตาย" ศาสนาเขาให้โอกาสครั้งเดียว หลายคนทำเชิด มาแบบรีบทาน รีบหาย จะได้ไปให้พ้นไวๆ ทำตัวเบื่อหน่าย ไม่อยากมา ไม่อยากทำ หายแล้วก็หายลับ แต่กรรมมันไม่ได้มีปล้องเดียว พ้นปล้องนี้ ปล้องหน้าก็รออยู่ ตัวกระทำในวันนี้ เท่ากับตัดสะพาน วันหน้าเรือชีวิตประสพเหตุอีก จะเข้าท่าก็ไม่ได้แล้ว เพราะทำลายสะพานนั้นลงเสียแล้ว
ที่สำคัญ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้ระวังว่า การฟื้นฟูครั้งแรกนั้นเป็นเรื่องง่าย เพราะคนที่มาทั้งหลาย ทำกรรมด้วยความไม่รู้่ คือ ยังไม่รู้เรื่องศาสนา เรื่องตัวกระทำ แต่เมื่อมาแล้ว ฟังแล้ว หายแล้ว แสดงว่ารู้แล้ว การกระทำต่อมา แล้วยังทำให้เกิดโรค นั่นเรียกว่า "ทำโดยรู้ โดยเจตนา" ทีนี้แหละเป็นงานช้างแล้ว ยิ่งจะมาหวังสมุนไพรแต่เพียงอย่างเดียวเหมือนก่อน ... หนทางคงยากยิ่ง เพราะทำตัวทำตนสวนเจตนาของศาสนาของพระภูมีที่แม่ชีเมี้ยนนำมา นั่นคือ มาฟื้นฟูตนเพื่อเป็นคนดี ให้สุขแก่ผู้อื่น แต่จะมาเพื่อกลับไปใช้นิสัยสันดานเดิม สร้างกรรม สร้างโรคอีก มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนจะเกื้อหนุน ให้โอกาสอีกเป็นซ้ำสอง ถ้าเป็นเช่นนั้น .... คงมีคนไปฟ้องฟ้าดิน ถามว่า "ทำไมให้อำนาจท่านอาสิ มาช่วยโจรให้มีชีวิต มาเบียดเบียนพวกเขาได้อีก ปล่อยให้มันตายเสียวันนั้น วันนี้มันก็ไม่มาโกง ไม่มาฆ่าใคร ไม่มาให้ทุกข์ใครได้อีก"
ฤาถุกหลอก หรือหลอกเขา มาจนชิน เลยมาหลอกศาสนา ร้องช่วยด้วย ช่วยด้วย พอพ้นก็ไปละเลงนิสัยตน สร้างทุกข์ให้ผู้อื่นอีก อย่างนั้นหรือ อย่าเลย.. เสียดายชาติเกิด ที่ได้มาพานพบศาสนา เพราะไม่รู้ว่า ชาติหน้า ชาติไหน จะได้เจออีกไหม
เรื่องของศาสนา เป็นเรื่องของความจริง ใช้ใจต่อใจ ไม่มีหลืบมีมุม ต่อกันและกัน ผู้ใดทำได้ จึงได้สมปรารถนา คือ สุข ที่แท้จริง กินเป็นสุข นอนเป็นสุข
ของจริงบอกว่าหลอก แต่ที่หลอกว่าช่วยได้ เดินเข้าไป แล้วหามออกรายแล้วรายเล่าจนทำลายสถิติทุกปี กลับบอกว่าดี น่าเชื่อถือ ... นั่นกงจักรชัดๆ เข้าไปมีแต่ตัดอวัยวะ โน่นนี่นั่น จนไม่มีให้ตัดแล้วก็ตาย กลับเห็นเป็นดอกบัว ของหลอก ทำโดยไม่คำนึงถึงชีวิต คนนี้ตาย เดี๋ยวคนใหม่ก็มา เอาเงินมาให้แถมต้องกราบต้องไหว้อีก ของจริงคือศาสนา ... ชีวิตมนุษย์นั้นมีค่านัก จักช่วยได้ ก็ด้วย "การให้" เพราะตีราคาเป็นเงินทองไม่ได้