วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2558

คิดจะเอาผล


คนไทยมีนิสัยที่เป็นเอกลักษณ์ นั่นคือ ความง่าย อะไรก็ได้ สบายๆ แล้วๆกันไป

แลที่สำคัญ นั่นคือ ความเชื่อ หรือมักจะแฝงว่า ศรัทธา

ดังนั้น การกระทำใดเมื่อทำแล้ว ตนพอใจ ก็จบตรงนั้น ไม่สนว่าทำแล้วผลจะเกิดอะไร พอใจที่ได้ทำ แล้วก็ตู่คิดเอาเองว่า เมื่อทำแล้วต้องได้ผล

คร้ันมาเจอศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์่ชี้ให้เห็นว่า นั่นคือความคิด ความฝัน นึกไปเอง ว่าทำแล้วต้องได้ ความจริง มันมีแต่ลม

เพราะสิ่งที่มีผลอันแท้จริง ต้องดูที่ผลแห่งการกระทำ ว่าให้คุณให้โทษแก่ผู้ใดบ้าง

คำสอนที่เราท่านมักได้ฟังเสมอ ที่หยิบยกมา โดยเฉพาะนิสัยคนไทย ที่ชอบสร้างโบสถ์ สร้างศาลา ทำบุญ ตักบาตร แล้วก็อุปโลกเอาเองว่า ทำตามคำสอนของพระภูมี สิ่งที่ทำนั้นเป็นบุญ เมื่อทำแล้วบุญย่อมย้อนมาอุปถัมภ์ตนในภายภาคหน้า แลได้สมหวังตามปรารถนาที่อธิษฐานเอาไว้

แต่ครั้นเวลาผ่านไป ความจริงก็ปรากฎ สิ่งที่ทำไม่ช่วยตนได้เลยแม้นแต่สักนิด เมื่อกรรมมาถึง ทุกข์ก็บังเกิด โรคภัยก็เบียดเบียน

หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนว่า พระภูมีสอนให้พิจารณาซึ่งเหตุและผล การพิจารณาแต่เหตุแล้วด่วนสรุป พูดเองเออเอง ไม่เป็นแก่นสาร เอามาอ้างไม่ได้ หากแต่เมื่อผลปรากฎ จึงจักพิจารณาว่า เหตุแห่งการเกิดผลนั้นถูกหรือผิด ถ้าผลถูกปรากฎ การกระทำย่อมถูก ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ ผิดกฎของค่านิยม กฎหมาย กฎสังคม หรือ ข้อบังคับลัทธิพิธีกรรมใดๆก็ตาม

นั่นหมายความว่า หากเราท่านคิดจะเอาผล อย่าไปพึงดูที่การกระทำหรือวิธีการ เพราะจะมีอคติ ให้ดูผลแห่งการกระทำนั้นๆ

ดังนั้น การกระทำใดที่เป็นผล จึงต้องอาศัยซึ่งองค์ประกอบ ผู้รับ แล ผู้ให้ ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน ปรบมือ ผลจึงเกิด

หลวงพ่อนิพนธ์ยกตัวอย่าง หากเรามีน้ำแก้วหนึ่ง แล้วเลือกที่จะให้แล้วไซร้ หากเรานำน้ำแก้วนั้นไปให้ผู้ที่มีน้ำเป็นตุ่ม น้ำของเราก็ไร้ค่า เรียกว่าผู้ให้เต็มใจให้ แต่ผู้รับไม่ต้องการ หรือไม่อยากได้ ค่าของน้ำจึงแทบไม่มี หรือไม่มีเลย เพราะเขาเทน้ำเราทิ้ง หรือวางทิ้งไม่ใช้

หากแต่น้ำแก้วเดียวกัน เรานำไปให้แก่ผู้ที่เดินทางมาเหน็ดเหนื่อย กระหายน้ำจนแทบสิ้นชีวิต น้ำแก้วเดียวกันกลับมีค่ามหาศาล เพราะหมายถึงชีวิตคนเลยทีเดียว

อุปมาข้าวมธุปายาส ของนางสุชาดา ก้อนเดียว แทบทำให้นางสำเร็จเป็นพระอรหันต์ ด้วยผลแห่งข้าวก้อนนั้น ทำให้สรรพสัตว์พ้นทุกข์มากมาย แลมีพระอรหันต์ถึงเกือบแสนรูปนั่นเอง

ก็แล้วข้าวที่เราท่านบรรจงทำ ไปใส่บาตรทุกวันนี้ ทำไมจึงไร้ค่า เพราะผู้ทาน ทานแล้วนำแรงหรือกำลังที่ได้ไปทำอะไร

จึงไม่แปลกว่า ในการทานสมุนไพร หลวงพ่อนิพนธ์เน้นย้ำว่า ขอให้เราท่าน มีมานะในการทานสมุนไพร และประพฤติตามธรรมคำสอนของพระภูมีที่ชี้แนะให้ เพราะผลบุญจักบังเกิด ก็ต่อเมื่อมีผู้ทาน ทำตนจนหายโรค และเป็นคนดีได้นั่นเอง มิเช่นนั้น การกระทำทั้งหมดที่ทำไปก็ไร้ค่า เพราะไม่มีผลแก่ผู้ใด

สิ่งที่แทรกเข้ามา และเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จ เรียกว่าเป็นกระไดขั้นแรกแห่งความสำเร็จ ในการใช้ทางเลือกนี้ แม่ชีเมี้ยนยกมาให้ฟังว่า พระภูมีทรงตรัส นั่นคือ "ความกตัญญู"

ธรรมหมวดสมุนไพร จะใช้ให้สำเร็จ ผู้ทานจึงต้องมีจิตกตัญญู และด้วยสิ่งนี้ ทำให้มุ่งมั่น มานะทาน และปฏิบัติตน

เมื่อขาดสิ่งนี้ ก็ขาดคุณสมบัติ แลไม่มีวันประสพผล

พูดง่ายๆ ธรรมของพระภูมีเป็นหลักปราชญ์ สอนให้เราท่านพิจารณาคนได้ จากพฤติกรรมนั่นเอง

คนขาดกตัญญู ย่อมไม่มีการควบคุมตน ไม่ต้องแปลกใจเลยว่า ทำไมคนเหล่านี้ เมื่อเข้าห้องสวดมนต์ จึงรักษาความสงบไม่ได้ แลคนรู้ ย่อมไม่อยากคบค้าสมาคม หรือพูดดีด้วย

คิดจะเอาผลในการช่วยตน ต้องเป็นคนดี แลรากฐานที่สำคัญ นั้น ย่อมมีจุดเริ่มจากความกตัญญููแก่ผู้ให้นั่นเอง ใครตกกระไดขั้นนี้ สิ่งที่ทำหลวงพ่อนิพนธ์อุปมาเหมือนสร้างเจดีย์ที่มีพื้นฐานไม่มั่นคง ไม่ว่าเจดีย์นั้นจะใหญ่สักแค่ไหน โดยเขย่าเบาๆก็พังครืนแล้ว ไม่ต้องพายุหรอก

เมื่อมีกตัญญู ย่อมมีมานะ พยายาม ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมเป็นคนดี แล้วทานสมุนไพร ผลสำเร็จย่อมบังเกิดอย่างแน่นอน นี่แลเครื่องตอบแทนที่แม่ชีเมี้ยน พระพุทธเจ้า แลหลวงพ่อนิพนธ์ต้องการ ...

บทสรุป หลวงพ่อนพิพนธ์ย้ำคำแม่ชีเมี้ยนที่ตรัสว่า ศาสนาของพระภูมี มีไว้เพื่ออะไร ไม่ใช่สร้างวัตถุ หากแต่มีไว้เพื่อสร้างคน นั่นหมายความว่า อยากจะเอาผล ต้องสร้างตนเป็นคนดีให้ได้นั่นเอง

ติดต่อสั่งซื้อสินค้า หาโปรโมชั่น Sesamix-Z และ สารสกัดเซซามินสูตรที่ดีที่สุด โทรหาเรา 086 6O4 7O44