จึงไม่แปลกว่า หลังจากการกลับมาครั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงย่อมต้องเกิดขึ้นมากมาย และรวดเร็ว จนหลายคนอาจตั้งตัวไม่ทัน
จากความผิดพลาดในอดีต ที่มุ่งเน้นสมุนไพร โดยละเลยธรรมคำสอน ทำให้การประสพผลในอดีต ต้องพึ่งพาบุญส่วนกลาง หรือจะเรียกบุญส่วนตัวของหลวงพ่อนิพนธ์เป็นหลัก โดยที่คนที่มาทานสมุนไพร ไม่ต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใดๆเลย
ผลก็คือ สิ่งที่ได้ หาตรงเป้าหมายของพระภูมีไม่ นั่นก็คือ ได้แต่คนหายโรค แต่ได้คนดีของศาสนาน้อยนิด
การกลับมาครั้งนี้ พร้อมคำเตือน จึงทำให้เราท่านมั่นใจได้ว่า หนทางต่อไปนี้ ย่อมมุ่งเข้าสู่เป้าหมาย ของศาสนาเป็นหลัก นั่นคือ สนองความอยากทั้งผู้มาทานสมุนไพร นั่นคือ หายโรค และก็ความต้องการของพระภูมี นั่นคือ คนดี
วันนี้ เราท่านจึงจะเห็นว่า คำว่า "ตัวกระทำ" จะเป็นคำที่เราท่านได้ยินบ่อยขึ้น นั่นคือ ทุกคนที่อยากจะเดินเส้นทางนี้แล้วประสพผล ย่อมต้องสร้างตัวกระทำ นั่นคือ ต้องมีพฤติกรรม บางสิ่งบางอย่าง ตามพุทธบัญญัติ พูดง่ายๆ ต้องมีนิสัยของพระพุทธเจ้า มานำตนบ้างนั่นเอง
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า นี่คือความจำเป็น ที่จะต้องแยกบุคคลที่มาเป็นสองกลุ่มให้เด่นชัด กลุ่มแรก คือคนที่อยากได้แล้วทำ เรียกว่าทำตนเป็นพระเวสสันดร กลุ่มหลัง คือ คนที่อยากได้แต่ไม่ทำ เรียกว่าทำตนเป็นชูชก
กลุ่มแรก คนที่อยากทำ ตอนนี้ก็เริ่มถูกจัดให้เข้าสวดมนต์และฟัง ในรอบแรก กลุ่มหลัง คนที่ยังไม่พร้อม หรือไม่อยากทำ ก็จัดเข้าสวดมนต์ในรอบสอง
ในขณะเดียวกัน ก็จัดเตรียมพื้นที่ ไม่ว่าบ่อพลอย ลพบุรี ศรีสวัสดิ์ ไว้ให้พร้อม
และก็ใช้เข้าพรรษานี้ ทำตัวอย่างให้ดูว่า อยากหายต้องทำอย่างไร เปิดหนทางประตูธรรมหมวดสมุนไพร เต็มรูปแบบ นั่นคือ "นักปฏิบัติ"
เมื่อปฏิบัติได้ มีคุณสมบัติ ท้ายที่สุดเมื่อเตรียมร่างกายพร้อมด้วยการทานสมุนไพรไประยะหนึ่ง พิจารณาเห็นควร ก็จบโรคด้วย ยาขนานเอก นั่นคือ "ยาตัด" อันเป็นการสิ้นสุดกระบวนการ
คุณสมบัติที่ว่า นั่นคือ การมาฝึกนิสัยของพระพุทธเจ้า เป็นบางสิ่งบางอย่าง เพื่อนำตน แล้วให้พิจารณาผลแห่งการกระทำที่ตนทำ
ผลที่เกิดที่เด่นชัด ก็ดูจากการตอบรับของร่างกายนั่นเอง เพราะหากทำถูก ผลถูกย่อมเกิด
สถานที่ต่างๆ จึงเตรียมไว้รอรับ คนกลุ่มแรก ที่พร้อมและมีวันเวลา ก็เลือกสถานที่ที่ตนสะดวก เพื่อใช้ในการปฏิบัติเพื่อช่วยตน
ผ่านคอร์สการปฏิบัติเพื่อช่วยตน ย่อมเห็นทางว่า คนดีเป็นเช่นไร และทำอย่างไรจึงช่วยตนได้ ที่แน่ๆ ไม่ใช้สร้างโบสถ์ สร้างศาลา สร้างวัตถุเป็นแน่แท้
ในขณะเดียวกัน กลุ่มหลังที่มุ่งทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว ก็ทานไป หากแต่หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า จะหวังผลคงไม่ได้ แต่เมื่อเขาทำได้แค่นี้ พอใจแค่นี้ ก็ให้เช่นกัน
แต่คนกลุ่มหลัง หนทางในการก้าวไปในพื้นที่ปฏิบัติธรรม ก็ถูกปิดลงด้วยเช่นกัน แลกลุ่มนี้ ก็จะกลายเป็นตำนานของยักษ์หน้าโบสถ์ ในยุคนี้
สถานที่นี้เป็นทางเลือก แต่ไม่ง้อ หากเราท่านอยากแต่ทานสมุนไพร ไม่อยากบังคับตนแต่อย่างไร ก็เข้าสวดมนต์รอบสอง
หากจะมุ่งหวังจะหายโรค ก่อนจะก้าวไปถึงการปฏิบัติเต็มรูปแบบ ก็เริ่มจากการเข้าสวดมนต์รอบแรก โดยมีสติ นั่นคือ รักษาความสงบ ไม่พูดคุย ไม่เล่นโทรศัพท์ ไม่อ่านหนังสือ รวมไปถึง ต้องใช้ขันติอดทน ไม่พัด
ผ่านด่านแรกได้ จึงมุ่งหวังไปเข้าคอร์สได้ นั่นก็หมายถึง เราท่านจะกลายเป็นคนดี ตามศาสนาบัญญัติได้ แลได้หายโรคเป็นของแถมอย่างแน่นอน
ในไม่ช้า ภาพที่หลวงพ่อนิพนธ์เคยกล่าวเสมอ นั่นคือ การรอคิว เพื่อเข้าไปปฏิบัติยังสถานที่นั้นๆ จะมีให้เห็นอย่างแน่นอน ไม่ใช่อยากก็ไปได้ ...
เพราะของจริง เขาเล่นตัว ดั่งอดีตกาล แม้นกษัตริย์จะขอเข้าพบพระโคดม พระโคดมทรงพิจารณาแล้วไม่มีคุณสมบัติที่จะทรงสอนได้ ท่านก็เดินผ่าน ไม่ให้เข้าพบ