หลวงพ่อนิพนธ์ กล่าวว่า นั่นเพราะพรหมลิขิตของตนนั้นหมดอายุขัยแล้ว
หากแต่งานที่แม่ชีเมี้ยนมอบให้ยังไม่แล้วเสร็จ จึงร้องขอเพื่อที่จะทำให้เสร็จ แลก็ได้สิทธิ์นั้น
หลวงพ่อนิพนธ์จึงกล่าวว่า จากสภาพที่หมอบอกว่า โอกาสรอดมีไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซ็นต์ หากจะรอดก็ต้องทำอะไรอีกมากมาย เมื่อหลวงพ่อนิพนธ์ฟื้นคืนสติมา หมอบอกต้องผ่าตัดหัวใจด่วน หลวงพ่อนิพนธ์ก็ปฏิเสธ
เหตุผลง่ายๆ หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นเสมอ นั่นคือ มนุษย์มีพรหมลิขิต เมื่อแม่ชีเมี้ยนให้สิทธิ์ในการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง นั่นหมายความว่า โรคหัวใจย่อมทำให้ตายไม่ได้อย่างแน่นอน
จากที่หมอบอกไม่ผ่าตัดหัวใจตายแน่ ผ่านไปหนึ่งเดือน กลับไปตรวจหัวใจใหม่ ก็เฉกเช่นเดียวกับคุณธานินทร์ หัวใจได้สร้างเส้นเลือดฝอย บายพาสหัวใจเรียบร้อย ไม่ต้องทำอะไร
การกลับมาครั้งนี้ สิ่งหนึ่งที่แม่ชีเมี้ยนสั่งให้กลับมาบอกพี่น้องคนไทย นั่นคือ "หยุดทำบาปกับศาสนาซะ" เพราะพระพุทธเจ้าเขากำลังจะปรากฎโฉมแล้ว
พฤติกรรมมากมายที่ถือว่าล่วงล้ำกล้ำเกินศาสนา มีให้เห็นกันทั่ว มันจะกลายเป็นบาปมหันต์ เมื่อพระพุทธเจ้าปรากฎ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงยกอดีตถ้ำกระบอกให้ฟังว่า เมื่อครั้งมีลูกศิษย์คนหนึ่ง เป็นเศรษฐี ชื่อเถ้าแก่ซ้ง เป็นคนที่มีจิตใจ โอบอ้อมอารี ชั่วชีวิตแทบจะเรียกว่าไม่เคยทำบาปใดๆเลยก็ว่าได้
หากแต่เถ้าแก่ซ้ง ยามบั้นปลายชีวิต กลับพบชะตากรรมที่แก้ไม่ตก นั่นคือ เป็นโรคร้ายแรง หมอแก้ไม่ได้ หมดทาง จึงเดินทางมาถ้ำกระบอก ตามเสียงเล่าลือ
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนเถ้าแก่ซ้งว่า ถึงแม้ลื้อจะมีจิตใจดี เมตตาช่วยเหลือผู้อื่น ไม่เคยเบียดเบียนใคร แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ แต่เป็นบาปมหันต์ นั่นคือ นิสัยที่ชอบพระ ซื้อขายพระนั่นเอง
พระเป็นตัวแทนของพระพุทธเจ้า สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกคุณ กราบไหว้ กับถูกพฤติกรรมของลื้อเหยียบย่ำ ไปตีราคา เป็นเงินเป็นทอง กรรมอันนี้หนักหนาสาหัสนัก จึงส่งผลให้ความเลวร้ายบังเกิดแก่ลื้อ
เถ้าแก่ซ้ง ได้ฟังก็กลับบ้านไปขนสารพัดพระ ไม่ว่าพระสมเด็จ พระพุทธรูป ใหญ่น้อย มาถวายหลวงพ่อนิพนธ์ ซึ่งก็ได้นำไปไว้ในโพรงแห่งหนึ่งของถ้ำกระบอก แล้วโบกปูนปิดไว้
หลังจากนั้นเถ้าแก่ซ้ง ก็รับสัจจะ ไม่ซื้อขายพระ ไม่ส่งเสริม สนับสนุนใดๆทั้งสิ้น ... ผลก็คือ โรคที่เป็นอยู่ แทบจะไม่ต้องทานสมุนไพรเลย ก็ดีวันดีคืนจนหายปลิดทิ้ง
พฤติกรรมที่ทำลายศาสนา ที่แม่ชีเมี้ยนให้หลวงพ่อนิพนธ์มาบอก ยังรวมถึงการให้เงิน สร้างโบส์ สร้างศาลา สร้างวัตถุ ซึ่งส่งผลให้พระมากมายต้องเสียวัตรปฏิบัติ แทนที่จะสานเจตนาเดิมในการบวช นั่นคือ เพื่อตัดกิเลส กลายเป็นหลงวัตถุ
ใครจะปฏิเสธสักฉันใดก็ตาม หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า ตัวกระทำ มันไม่ตาย เพราะสิ่งที่เราท่านทำ มันทำให้เสียพระ แค่องค์เดียวก็แย่แล้ว แต่นี่มากมายเหลือคณานับ กรรมจึงมหาศาล
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า ย้อนกลับไปดูอินเดียสิ ต้นศาสนาของพระโคดม มีไหมที่พระพุทธเจ้า ทรงบัญญัติให้สร้างโบสถ์ สร้างศาลา ไม่มีเลย อย่างดีก็แค่โรงทานเท่านั้นเอง แล้วเราท่านเดินตามใคร กำลังส่งเสริมให้พระเดินตามธรรมพระโคดม หรือตามกิเลสตน
เคล็ดของศาสนา หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า อยู่ที่คำว่า "ให้"
สมุนไพรจึงต้องให้ จิตอาสามาล้างขวด ก็เพราะสละแรงกายให้ ไม่คิดเงิน ขวดที่ล้างจึงเป็นมงคล ... ผลที่ได้ไม่ใช่เงิน แต่คือบุญ ซึ่งสามารถนำมาซื้อเวรซื้อกรรมได้
ตัวอย่างที่ อ.อร่าม มักยกให้เห็นนั่นคือ คุณปรียานุช ที่เป็นโรคกระดูก แลอีกหลายโรค เดินไม่ได้ แต่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็นว่า เป็นด้วยเหตุที่เบียดเบียนผู้อื่น ก็ให้ทำตรงข้าม นั่นคือ ไปขัดถูห้องน้ำ ให้ผู้อื่นใช้ จะนั่งขัด นอนขัด ก็ทำไป
คุณปรียานุช จึงมาก่อนวันทำการหนึ่งวัน ใช้เวลาทั้งวันในการทำความสะอาดห้องน้ำ ทำจนเดินได้ภายในสองอาทิตย์ ... ซึ่งหมอบอกว่าเธอไม่มีโอกาสกลับมาเดินได้อีกแล้ว
บทสรุป ศาสนา มีคุณอนันต์ พาไปนิพพานได้ ก็มีโทษมหันต์ กว่าทางโลกนัก ดั่งจักเห็นจากบาปใดที่ทำก็ไม่ถึงธรณีสูบ แต่เทวทัต ที่ทำบาป ต้องโทษถึงธรณีสูบ ...
สิ่งนี้เป็นสิ่งแรกที่หลวงพ่อนิพนธ์กลับมาบอกกล่าว นั่นแสดงให้เห็นความสำคัญอย่างยิ่งยวด ... ถึงพฤติกรรมนี้ได้เป็นอย่างดี ใครเชื่อ ก็หยุด ไม่เชื่อก็ทำไปไม่ว่ากัน
แต่คิดจะทานสมุนไพร ทั้งที่ทำผิด ... เมื่อก่อนไม่รู้ก็พอทน แต่รู้แล้วยังทำ ... ระวังเน้อ
พระในอดีตที่ศักดิ์สิทธิ์ ก็เพราะเขาให้กันนั่นเอง