ศาสน์ของพระภูมีจำแนกผู้ทึ่เข้ามาเป็นสองประเภท หนึ่งคือพระเวสสันดร อีกหนึ่งคือชูชก
ผู้คนที่เข้ามา จึงต้องเลือกฝ่ายเลือกการกระทำ ในการดำรงตน
ธรรมหมวดสมุนไพรก็เฉกเช่นกัน. ผู้ทานก็ต้องเลือก เมื่อเลือกแล้ว ก็จะได้คำตอบ หรือรู้ว่า ผลของตนจะลงเอยอย่างไร
การมุ่งหวังมาเพื่อทานสมุนไพรเพียงอย่างเดียว ย่อมยืนในสถานะชูชก
หลวงพ่อนิพนธ์ก็ให้ไม่ปิดโอกาส แลไม่หวังอันใด
หากแต่คนอีกกลุ่มหนึ่ง อยากเป็นพระเวสสันดร เป็นผู้ให้ พระภูมีก็บัญญัติสายกลางให้เดิน นั่นคือนิสัย.
คนไม่รู้เรื่องศาสนา ก็ว่าพระดีแต่มาขอข้าวกิน เดินถือบาตร หากแต่สิ่งที่พระมาขออยากให้ใส่. แท้จริงแล้ว คือนิสัย ตัณหา มานะชั่วต่างหาก
คนจะเป็นพระเวสสันดร จึงต้องฝึกก่อน เรียกว่า ขอนิสัย
อีกไม่นาน เราจะเห็นรูปรอยครั้งพุทธกาล ว่าคนที่อยากช่วยตน ต้องทำอย่างไร. ผลแห่งการทานสมุนไพร จึงมั่นใจได้ว่าสามารถช่วยตนสำเร็จ
ดังนั้น. ในไม่ช้า เราท่านก็จะถูกแยกเป็นสองกลุ่ม ฝ่ายชูชก มาแล้วไม่ต้องทำอะไร. รับสมุนไพรไปทานเลย. ฝายพระเวสสันดรต้องมีพฤติกรรม ตามครรลองของศาสนาบัญญัติ มีการกระทำตามวินัย พูดง่ายๆ คือต้องปฏิบัติ ควบคุมนิสัยตน
ชอบแบบไหน ก็เล่นกันเอง
ผลแห่งการทำตน ได้หายโรคเป็นโบนัส จุดมุ่งหมายคือทำตนรอพระพุทธเจ้าทึ่กำลังจะอุบัติ. หรือเรียกว่า สร้างคุณสมบัติรอนั่นเอง
นี่คือบทพิสูจน์ อำนาจธรรม อำนาจบุญ
พระเวสสันดร ใครก็เป็นได้ เพราะบุญของพระภูมี อยู่ที่นิสัย ไม่ใช่เงิน