ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอาทิตย์ที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ไอ้ทิด
นับแต่โบราณกาล สิ่งหนึ่งที่เห็นกันในหมู่ชาวพุทธ และสอนสั่งกันมา นั่นคือ การส่งให้ลูกหลานบวชก่อนเบียด
เมื่อฟังคำตอบจากผู้เฒ่าผู้แก่ ก็มีจุดมุ่งหมายให้กลายเป็นคนสุกก่อนนั่นเอง
คำว่าสุก มีความหมายเช่นใด คนสมัยนี้อาจจะไม่เข้าใจ
แต่จากคำเรียก ของผู้ที่ผ่านการบวชแล้ว ก็สื่อความหมายได้พอสมควร นั่นคือ การเรียกผู้ที่ผ่านการบวชเรียนมาแล้วว่า "ทิด" นั่นเอง
ผู้รู้กล่าวว่า คำว่า "ทิด" เป็นการเรียกเพี้ยนมาจากคำเดิมว่า "บัณฑิต" อันหมายถึง ผู้ที่เรียนจนสำเร็จนั่นเอง เฉกเช่นนักเรียน ที่จบ ได้รับปริญญา ก็จักกลายเป็นบัณฑิต
ความรู้อันใดเล่า ที่คนโบราณ ส่งลูกหลานเข้าไปเรียนในพุทธศาสนา นั่นคือ บุญบาป เรื่องกรรมเรื่องเวร
ความรู้นี้เอง ทำให้คนกลายเป็นคนสุก เมื่อกลัวกรรมกลัวเวร ก็จักเป็นผู้นำครอบครัวที่ดีได้
จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่า เพราะเหตุใดอินเดียในอดีต ผู้หญิงจึงต้องเป็นฝ่ายไปขอผู้ชาย ก็เริ่มจากจุดนี้นั่นเอง
อันเป็นเครื่องการันตีว่า ผู้ที่ผ่านการบวชเรียนตามรอยของพระพุทธเจ้า จักมีทั้งความขันติ อดทน กลัวกรรมกลัวเวร ย่อมเป็นคนดี
ด้วยวินัยในยุคนั้น การบวช และดำรงวินัยนั้น เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ผู้ที่ทำได้ เสมือนได้ฝึกตน และขัดเกลานิสัย รู้จุดมุ่งหมายที่จะดำรงตน เพื่อเป็นคนดี
เมื่อรู้เรื่องของชีวิต รู้จักดำรงตน จึงได้ขนานนามว่า เป็นบัณฑิต และเพี้ยนมาเป็น "ไอ้ทิต" เรียกกันจนทุกวันนี้
แต่ทิดสมัยนี้ บางคนสึกตั้งแต่หม้อแกงวันงานยังทานกันไม่หมด
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงชวนชัก มาย้อนอดีต บวชเพื่อฝึกหัดตน ทั้งร่างกายและจิตใจ แลจะเห็นว่า ผลอานิสงฆ์แห่งการบวชนั้นมหาศาลนัก ....
นี่คือบทพิสูจน์ว่า พระของพระพุทธเจ้า แม่ชีเมี้ยนทรงตรัสว่า ไม่มีหรอก ที่ยามชราจะเดินหลังค่อม ป่วยอาพาธ ทำกิจของสงฆ์ไม่ได้ เดินธุดงค์ ได้จนวันสุดท้าย ไม่มีหูหนวก ตาฝ้าฟาง มองไม่เห็น ไม่มี ไม่มี
และก็ตอกย้ำว่า พระไตรปิฏก พราหมณ์มันเขียน เพื่อพวกพ้องของตน ที่ใส่ผ้าเหลืองหากิน แลรู้ว่า ท้ายที่สุด ก็ต้องเป็นโรค จึงมีชีวกกุมาร พราหมณ์ผู้ซึ่งมารักษาพระพุทธเจ้า ... อันแสดงว่า พราหมณ์มันแน่กว่าพระพุทธเจ้า
หากความไม่มีโรค เป็นเท็จ พระพุทธเจ้าก็โกหกมุสา จะไปถึงซึ่งนิพพานได้อย่างไร
นี่จึงถือเป็นโอกาสแก่ผู้ที่มีปัญหาโรคภัย โดยเฉพาะขั้นสุดท้ายที่หมอทิ้ง ไม่ว่าจะเป็นมะเร็ง เอดส์ หรือคนที่ติดยาเสพติด อันเป็นภาระครอบครัว จะได้ช่วยทั้งตนและครอบครัว
บทพิสูจน์นี้ใช้มาตั้งแต่ยุคถ้ำกระบอก ปี ๓๐ เรื่อยมา ... และคนเก่าแก่ก็จักรู้จักเห็นว่า คนที่มาใช้หนทางนี้ หลายคนก็ยังอยู่มาจนถึงทุกวันนี้
ไม่ว่าคนเป็นกรรมพันธ์มะเร็งสมองอย่างท่านตอง ที่ปัจจุบันปกติดี กลายเป็นราษฎรอาวุโสสอนจักสาน ที่บ้านเขาค้อ หรือ คนเป็นเอดส์ ที่ปัจจุบัน พาลูกมาร่วมงานแม่ชีเมี้ยนทุกปี ก็อยู่ดีมีสุขมาจนทุกวันนี้ ทั้งพ่อลูก
สิ่งที่ได้เรียนรู้จากการบวช หลวงพ่อนิพนธ์สอนเสมอว่า จะซึ้งถึงคำว่า "ทุกข์กับวินัยของพระภูมี ดีกว่าทุกข์จากโรคจากเวรจากรรม"