ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันอาทิตย์ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ตกบันได
การเสียผลนั้น เกิดกับคนทั่วไป เพราะความที่ไม่รู้เรื่องของศาสนา
หากแต่วันใดที่มีโอกาสเจอศาสนา จึงมีโอกาสเรียนรู้แล้วปฏิบัติ
ผลแห่งการปฏิบัติ ของผู้คนมากมาย เห็นกันทั่ว ยามบทสรุปมาถึง มักจะตกม้าตาย ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักชี้ให้เห็นว่า คนทั้งหลายเมื่อแรกก้าวเข้าสู่ร่มกาสาวพัฒน์ไซร้ ล้วนตั้งใจ มุ่งมั่นปรารถนาทำตน เป็นผู้ที่สืบต่อพระพุทธศาสนา เป็นคนดีทั้งหมด ทั้งสิ้น
เหตุแห่งการตกบันได หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ว่า เพราะกระไดขั้นแรก มันไม่มั่นคง มันผุ มันกร่อน เมื่อยิ่งปีนป่ายสูง ตกลงมา ยิ่งเจ็บหนัก
กระไดขั้นแรก หลวงพ่อนิพนธ์จึงสอนสงฆ์ เมื่อครั้งมีพระเสมอว่า นั่นคือ " ความกตัญญู"
วันแรกที่เข้ามา ล้วนแล้วตั้งใจจะมาศึกษาพระธรรมวินัยของพระพุทธเจ้า กราบพระพุทธํ กราบพระธรรม
เมื่อเรียนธรรม เรียนวินัย แล้ว ใครถามอะไร ก็ควรที่จะชี้ไปที่พระพุทธเจ้า พระธรรม ไม่ใช่ตน
เพราะบ่าของเราท่านทั้งหลาย เล็กนิดเดียว รับของหนักจะได้สักเท่าไหร่
หลวงพ่อนิพนธ์ จึงทำตน และสอนเสมอว่า สิ่งที่เราท่านมาพึ่ง ไม่ใช่ท่าน ทำตนให้เป็นที่พึ่ง โน่น แม่ชีเมี้ยน พระพุทธเจ้า พระธรรมคำสั่งสอน เป็นที่พึ่ง
หากชี้พลาด ให้คนไปหลงในสมุนไพรเป็นที่พึ่ง ก็เสียผล เพราะคนจักไม่สนว่าต้องเป็นคนดี ไม่ต้องทำตน เป็นที่พึ่งแห่งตน โยนภาระให้สมุนไพร ...
คนน้อยๆ ก็พอแบกไหว คนเป็นพันเป็นหมื่น มันก็ทับคนแบกตาย
ดังนั้น ในไม่ช้า เราท่านก็จักเห็นว่า ธงจะชี้ไปที่การบวช และทำตน ไม่ว่า บวชพระ หรือ บวชชี
เมื่อบวชแล้ว ชีวิตก็ไปวัดที่การกระทำของตนนั่นแล
ใครกตัญญูู รักในธรรม ก็ปฏิบัติตนตามวินัย ใครไม่กตัญญู ไม่รักในธรรม ก็บวชไปงั้นๆ ผลที่ได้ รอดไม่รอด ก็ตามตัวกระทำ ไม่มีใครช่วยใครได้
ยิ่งสมาชิกทั่วไปด้วยแล้ว กระไดกตัญญู นี้ ภาพที่เห็นก็ชัด นั่นคือ ส่วนใหญ่ข้ามไปเลย หรือกล่าวแต่ปาก หามีพฤติกรรมไม่
ทำอย่างไร ก็หาความสงบในที่ของแม่ชีเมี้ยน ของพระพุทธเจ้า ได้ไม่ ... จะมีก็แต่ลิงหลอกเจ้า ยามที่เจ้ามานั่ง ก็ทำทีสงบ พอลับหลัง ก็ออกนิสัยลิง เล่นกันตามนิสัย
อีกไม่ช้า เราท่านจะได้เห็นภาพสองภาพเทียบกัน นั่นคือ ภาพของผู้คนที่พร้อมปฏิบัติ ผู้คนจะควบคุมกิริยา ลดพฤติกรรมบางสิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะในพื้นที่ที่หลวงพ่อนิพนธ์กำหนด แสดงเอกลักษณ์ของศาสนา เมื่ออยู่ในพื้นที่ นั่นคือ ความสงบ รักษากรรมฐาน เสียงเดียวที่จะพึงมี นั่นคือ เสียงของผู้สอน หรือ ผู้นำ
ภาพอีกภาพ นั่นคือ ภาพที่เราท่านเห็นกันทุกวันนี้ ...
หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้เห็นว่า เราท่านกำลังมีพฤติกรรม ขาดเสียซึ่งกตัญญู แลร่วมกันทำตน ที่จะทำให้วัด กลายเป็นตลาด
เมื่อไม่มีที่ใดที่สามารถทำให้เราท่านลดพฤติกรรมได้ ก็ไม่มีที่ใด ที่สามารถกันกรรมให้เราท่านได้เช่นกัน
เมื่อบรรเลงตามนิสัย นั่นแลกำลังทำลายบันไดขั้นแรก คือ ความกตัญญูทิ้งเสีย หนทางแห่งการปฏิบัติ ช้าเร็วก็พังทลาย
ก็ไม่ว่ากัน หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ว่า ก็คนทั่วไป ใช้ตาดู เขาจึงมองเห็นเป็นสถานที่เสมือนที่ทั่วไป มองเท่าไหร่ก็ไม่เป็นวัด
ศาสนา เขาอยากได้เฉพาะคนฉลาด ใช้ปัญญามอง ... เมือเห็นว่าสถานที่นี้ของแม่ชีเมี้ยน ของพระพุทธเจ้า ไม่ธรรมดา ... คนผู้นั้นจึงควบคุมพฤติกรรม
บทสรุปหลวงพ่อนิพนธ์อรรถาธิบายให้ฟังว่า หลักตนพึ่งตน คือ เรียนรู้พิจารณา แล้วทำ นั่นแลกตัญญู เรียนรู้ ไม่พิจารณา ไม่ทำ นั่นขาดกตัญญู ...
ผู้กตัญญูเท่านั้นแล จึงจักเป็นผู้เจริญ
เมื่อดี มีคนอยากเดินตาม ก็ชี้ไปหารอยพระพุทธเเจ้าที่เราเดินมา มิใช่ ชี้ที่ตน แล้วเขี่ยพระพุทธเจ้าไปแอบๆ
วันดีคืนดี ก็ให้ไหว้ตนเลยซะงั้น
หนักเข้าไปอีก ทำรูปตนให้ไปบูชา แทนพระพุทธเจ้าเลย
พระพุทธ เลยต้องนั่งแอบอยู่ด้านหลัง ... เพราะตัวผู้ปฏิบัติมันใหญ่ นั่งบังจนมิด คนเข้าไม่ถึงแล้ว
พระธรรมคำสอน วินัย ก็เก็บเข้ากรุ มีธรรมคำสอนเป็นของตนเองแล้ว