ศาลารักษาโรค แนวทางการรักษาด้วยสมุนไพรควบคู่ไปกับธรรมะ เผยแพร่กิจกรรมของมูลนิธิไทยกรุณา และให้ความรู้ด้านสมุนไพรรักษาโรค
วันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
สำเร็จ
สิ่งหนึ่งที่เป็นความเข้าใจของเราตลอดมา นั่นคือ คนเราสามารถทำตน ปฏิบัติ แล้วสำเร็จได้ด้วยตนเองทุกคน
เพราะฟังมาแต่เกิดว่า พระพุทธเจ้าทรงออกบวช ปฏิบัติ แล้วสำเร็จนั่นเอง
ยิ่งไปกว่านั้น เราคิดเองว่า พระภูมีทรงค้นธรรม และปฏิบัติ แลมีอำนาจธรรม ด้วยผลแห่งการปฏิบัตินั้น
เพราะนึกเอาเองจากคำกล่าวที่ว่า นักปฏิบัติยิ่งเคร่ง ยิ่งมีอภิญญาสูง
หลวงพ่อนิพนธ์ ยกคำสอนแม่ชีเมี้ยนมาให้ฟังว่า หาเป็นเช่นนั้นไม่ แท้จริงแล้ว อำนาจธรรมมีมาอยู่ก่อน มีมาคู่กับจักรวาล ผู้ที่ทำตนจนหมดกิเลส ไม่มีนิสัยกรรม มีแต่นิสัยธรรม จึงได้สิทธ์ในการถือครองและใช้อำนาจธรรมนี้
หลวงพ่อนิพนธ์แปลให้ฟังง่ายๆว่า ก็คือสร้างคุณสมบัติรองรับนั่นเอง ไม่ใช่สร้างเอง
ศาสน์สมุนไพร ซึ่งเป็นธรรมหมวดหนึ่งของพระภูมี จึงเป็นเฉกเช่นเดียวกัน
ผลสำเร็จของธรรมหมวดนี้ คือความไม่มีโรคนั้น มิได้เจาะจงไปที่ตายเพราะโรคเพียงอย่างเดียว หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า มันต้องพ้น ทั้งตายโหงแลตายห่า จึงจะเรียกว่ารอด
จำพวกที่ปฏิบัติเคร่ง ทานสมุนไพรไม่มีขาด ผลสุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน ไม่มีทางสำเร็จธรรมหมวดสมุนไพรได้ ถึงจะรอดจากต่ายห่า คือไม่ตายด้วยโรค ก็ไม่รอดด้วยตายโหงอย่างแน่นอน
ไม้ไผ่ลำเดียวที่พระภูมีชี้ว่าเป็นทางรอด ต้องใช้คุณสมบัติ นั่นคือต้องมีธรรมวินัยเป็นผู้นำเดิน
ผลสำเร็จ จึงมิใช่อยู่ที่ความเคร่ง หลวงพ่อนิพนธ์จึงชี้ให้ดูว่า ลัทธิความเชื่อบางลัทธิเคร่งกว่าพระโคดมมากมายนัก แต่ก็ไม่ถึงฝั่งฝันคือนิพพาน
คุณสมบัติต่างหาก ที่จะเป็นตัวนำพาให้ถึงฝั่งฝัน
หลวงพ่อนิพนธ์จึงสรุปให้ฟังว่า จุดหมายของศาสน์ต้องการคนดี ที่มีคุณสมบัติ คือกลัวกรรม แล้วเอาธรรมวินัยบางสิ่งบางอย่างมานำตน ทำตนเป็นใบหยก มาคู่กับกิ่งทอง
จึงไม่ต้องแปลกใจว่า สถานที่นี้หลวงพ่อนิพนธ์สอนเสมอ มองข้ามโรคที่เป็นไปได้เลย เพราะนั่นมันปลายเหตุ มาคุยต้นเหตุคือนิสัย กันดีกว่า
แม้นว่าคนผู้นั้นสภาพจะเลวร้าย หมอทิ้ง เสมือนเรือที่อีกเพียงอึดใจ ก็จะตกหน้าผาที่สูงชันก็ตามแต่ เมื่อมาบวชดำรงวินัย เปลี่ยนพฤติกรรมนิสัยแบบกลับลำ ก็ไม่มีวันตกหน้าผา ยิ่งนานวันยิ่งห่างจากหน้าผาไปทุกทีอย่างแน่นอน
หากแต่เราท่าน ที่ทานแต่สมุนไพร พฤติกรรมไม่เปลี่ยน หรือเปลี่ยนนิดหน่อย แม้นจะยังอยู่ห่างหน้าผา แต่เรือของเราอย่างดีก็แค่ชะลอ ยังคงมุ่งสู่หน้าผา ช้าเร็วก็ตกอยู่ดี
บทสรุปที่หลวงพ่อนิพนธ์ชี้ให้เห็น นั่นคือ ผลสำเร็จมิใช่เพราะเราสร้าง แต่เป็นเพราะศาสน์เขาให้ ให้แก่ใคร ให้แก่ผู้ที่สร้างคุณสมบัติตามฟ้าดินกำหนดได้นั่นเอง
ไม้ไผ่ลำเดียวที่ว่า คือคุณสมบัติรองรับสิ่งมงคลอันสูงสุดนั่นเอง ใครสร้างได้ ก็เป็นสะพานทอดให้เดิน ใครสร้างไม่ได้ สะพานก็เป็นแต่นึกเอา เมื่อเดินถึงก็จะรู้ว่าไม่มีจริง ตนก็กำลังจะตกเหว จะกลับมาบอกใครก็ไม่ทันเสียแล้ว
คุณสมบัติ คือนิสัยธรรม จึงมีความละม้ายคล้ายนิสัยกรรม เริ่มจากทีละนิด แล้วค่อยใหญ่ขึ้น จากทุจริตเล็กน้อยสมัยเรียน ก็กลายเป็นโกงบ้านโกงเมืองยามเติบใหญ่ ฉันใดก็ฉันนั้น หลวงพ่อนิพนธ์จึงยกคำสอนของแม่ชีเมี้ยนให้ฟังว่า พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ จึงเริ่มจากวินัยธรรม ทีละน้อยๆ ไม่โกรธ วันละหนึ่งชั่วโมง เป็นต้น แล้วเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนครบ รอบวัน
ตอนนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ ชี้ให้เราท่านสร้างคุณสมบัติ พื้นฐานสองประการ หนึ่งคือไม่โกรธ สองคือไม่เห็นผู้อื่นผิด
ใครเชื่อแล้วทำตาม เสมือนพระที่บวชใหม่ แม้นจะเริ่มจากสภาพรุ่งหริ่ง หมอทิ้ง เมื่อเดินสองขา ทั้งขาบุญอันเกิดจากลดนิสัยเดิม และทานสมุนไพร ดูซิมันจะตกหน้าผาไหม
ที่นี่ หลวงพ่อนิพนธ์จึงย้ำเสมอ ไม่มีหมอ ไม่มียาดี ไม่มีใครช่วยใครได้ แต่มีธรรมคำสอนของพระภูมี ที่แม่ชีเมี้ยนนำมา ชี้หนทางให้ พิจารณา แล้วเดินเอง "ใครทำ ใครได้" ไม่มีใครช่วยใครได้ อยากได้ต้องสร้างคุณสมบัติขึ้นมาเอง มีแต่เพียงผู้ชี้ทาง คือ หลวงพ่อนิพนธ์
สำหรับพวกที่มุ่งเป็นนักปฏิบัติ เคร่งทานสมุนไพรสักปานใด หากไร้เสียซึ่งคุณสมบัติ การปฏิบัติก็ไร้ผล เหมือนฤาษี เคร่งสักฉันใดก็ไปนิพพานไม่ได้ฉันนั้น
เพราะสมุนไพรเขาเป็นแค่พี่เลี้ยง ให้มาเพื่อให้โอกาสเราท่านสร้างคุณสมบัติ ถึงเวลาส่งเสร็จเขาก็ไป ... ต้องเดินเอง นี่แหละหลัก "ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน"
ที่นี่จึงกลัวคนที่มา จะเอาแต่หายโรค อย่างอื่นกูไม่สน ?..นี่น่ากลัวกว่าโรคอีก