ช่วงนี้ใครมีเวลาว่างระหว่างนั่งรอ นอนรอ เบื่อๆ ก็เดินไปดูอาคารผู้ป่วยที่กำลังก่อสร้างเล่นๆ ก็ได้
วันใดที่อาคารแล้วเสร็จ นั่นคือ ม่านการเปิดรับผู้ป่วยเพื่อเข้าฟื้นฟูตนเอง จะเริ่มเปิดฉาก นั่นหมายถึง การเปิดเต็มตัว ของชมรมคนรักสุขภาพและมูลนิธิไทยกรุณา
ระหว่างนี้ หลวงพ่อนิพนธ์ ก็เริ่มสั่งเครื่องจักรที่ใช้ในการแปรรูปสมุนไพร เพื่อการแปรรูป อันจะทำให้เมื่อม่านเปิดขึ้น ผู้ป่วยทุกท่านก็จะสามารถมีสมุนไพรที่ทานได้อย่างเต็มที่ ตลอดปี
ในขณะที่ม่านยังไม่เปิด ก็เหมือนลิเกในอดีต ต้องมีการแสดงขัดตาทัพในระหว่างนั่งรอม่านเปิด หลวงพ่อนิพนธ์ จึงกล่าวว่า จะทำให้คนมีความมั่นใจ ก็ต้องมีตัวอย่างให้เขาเห็นเสียก่อน เป็นธรรมดา เพื่อง่ายแก่การตัดสินใจในทางเลือกนี้
โครงการผู้ป่วยมะเร็งชุดแรก ที่จะเป็นการแสดงหน้าม่าน มาถึงวันนี้ ก็ได้สมาชิกที่มาลงชื่อพอประมาณ สามร้อยกว่าชีวิต คณะกรรมการก็ได้ทำการจัดเป็นกลุ่มๆ แล้วเสร็จ ส่งให้หลวงพ่อนิพนธ์พิจารณา
อีกไม่นาน คนไข้กลุ่มนี้ ก็ต้องเข้ารับการอบรม และนั่นหมายถึง การแสดงเจตนาในการฟื้นฟูตน ซึ่ีงหมายถึง การทำตามกติกาที่หลวงพ่อนิพนธ์กำหนด ในระหว่างการฟื้นฟูตน ผู้ใดที่ไม่ทำ หรือทำไม่ได้ ก็จักถูกคัดออก
คนกลุ่มนี้ ก็ถือว่าโชคดีและโชคร้ายในคราเดียวกัน แล้วแต่ว่าใครจะมอง โชคร้ายก็คือ ไม่สามารถทำตามใจตน เหมือนคนป่วยในอดีตได้แล้ว อยากมาก็มา ไม่อยากก็หยุด นั่นหมายถึงการตัดสิทธิ์การเป็นสมาชิกทันที หากไม่อยู่ในกติกาที่กำหนด หากแต่ความโชคดี นั้นก็คือ จะได้รับการอบรม ให้ความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับ อาการของตนที่เป็น ได้รับการดูแลแบบตัวต่อตัว จากหลวงพ่อนิพนธ์ ซึ่งจะเป็นการจัดสมุนไพรให้โดยพิจารณาเป็นรายบุคคล แลที่สำคัญ จะได้สมุนไพรที่เรียกว่าช่วยสำหรับผู้ป่วยมะเร็งโดยเฉพาะ เสริมขึ้นมาด้วย
อันหมายความว่า หากไม่ใช่โรคพรหมลิขิต ผู้ที่สามารถผ่านคอร์สนี้ได้ หลวงพ่อนิพนธ์คาดว่า น่าจะมี ๙ ใน ๑๐ อย่างแน่นอน
เมื่อผลของคนไข้ในคอร์สนี้ปรากฎเป็นรูปธรรม นั่นคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของที่นี่ เพื่อเข้าสู่พุทธบัญญัติ เต็มรูปแบบ ไม่ใช่อยากมาก็มา ไม่อยากมาก็หยุด พูดง่ายๆ ประตูเข้าเล็กลง แต่ประตูออกใหญ่ขึ้น หากแต่ผู้ที่เข้ามา นั่นคือ ผู้ที่อยากได้ลาภอันประเสริฐอย่างแท้จริง ผลก็คือ ในอนาคต หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า การฟื้นฟู จะรับคนน้อยลง หากแต่ผลที่ได้ คนหายโรคจะเพิ่มสัดส่วนขึ้น และใช้เวลาน้อยลง
บางที ยักษ์หน้าโบสถ์ ที่เราเคยกล่าวไว้ มันอาจจะมาถึงเร็วกว่าที่เราคิดไว้เสียอีก
ในอดีตหลายท่านอาจจะรำคาญเจ้าหน้าที่ คอยบอก คอยเตือน อย่าคุย อย่า... แต่เมื่อเข้าระบบนี้ ท่านจะไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว หากแต่เสียงที่จะมาแทน นั่นคือ เสียงจากคณะกรรมการ เชิญท่านออกจากการเป็นสมาชิกไป
หลวงพ่อนิพนธ์บอกว่า ถึงเวลาแล้ว เพราะคงไม่มีชาวนาคนไหนที่ทำนา เหนื่อยยาก แต่ไม่ได้ข้าวกลับมาเลย อดีตการทำเพื่อเรียกแขก มาพิสูจน์ว่าสิ่งนี้มีจริง และทำได้ มาวันนี้ แขกไม่จำเป็นแล้ว เลือกเฉพาะคนอยากได้ และมาร่วมมือกันทำ
นั่นหมายความว่า อดีตนั้นคือการซ้อม ใครไม่ยอมฝึก เมื่อถึงเวลาเอาจริง ก็ลำบากหน่อย
เมื่อม่านเปิด ภาพจริงของหลักพระภูมีจะปรากฎ คนไม่มาก แต่สงบ จริงจังในเรื่องของชีวิต ... แลที่สำคัญ หลวงพ่อนิพนธ์กล่าวว่า เมื่อภัยพิบัติมา โรคคุกคามมนุษย์ คนเหล่านี้แหละ จะเดินเชิดไม่กลัวโรค เพราะรู้และสร้างหลุมหลบภัยให้ตนไว้แล้ว ... นั่นคือ รอยของพระภูมีนั่นเอง
ท่านใดอยากรู้ว่า ชื่อของตนมีไหม อยู่ในกลุ่มใด ก็ไปถามเจ้าหน้าที่ที่ห้องยื่นบัตรได้ ส่วนโรคอื่นๆ ก็ต้องรออีกสักนิด