บรรดาเกจิคณาจารย์ ทั้งหลาย ที่ตั้งตนเองขึ้นมา หลังจากการแตกของถ้ำกระบอก ทั้ง ๗ สำนักนั้น ล้วนแล้วแต่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อนิพนธ์ ทั้งหมด ทั้งสิ้น
เมื่อแตกออกไป ก็หาได้นำคำสอนของแม่ชีเมี้ยน และหลวงพ่อนิพนธ์ไปปฏิบัติไม่ หากแต่นำเอาวิชาความรู้ที่ได้ ไปสร้างวัตถุ สร้างความร่ำรวยให้แก่ตนเองแทน นั่นหมายความว่า ล้วนแล้วแต่เดินในเส้นทาง เอาศาสนามาหากิน
วันเวลาผ่านไป เกจิเหล่านั้น ก็มีชื่อเสียงขึ้นชื่อลือชา สร้างวัดที่ใหญ่โต หลายร้อยล้าน เป็นที่นับหน้าถือตา
การช่วยของหลวงพ่อนิพนธ์ เมื่อครั้งถ้ำกระบอก เกจิเหล่านั้น เมื่อหายดี มีกำลัง แรกๆก็เลื่อมใส อยากบวช ทำตามคำสอนพระภูมี หากแต่เมื่อแตกออกไป ล้วนแล้วแต่นำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด
ผลก็คือ เมื่อวันเวลามาถึง พระเกจิเหล่านี้ ก็ถึงทางตัน นั่นคือ ผลผิดเกิด กลายเป็นโรคร้ายแรง ครบถ้วยทุกตัวคน
เมื่อเกจิเหล่านี้ ทราบว่าหลวงพ่อนิพนธ์เปิดให้การรักษาอีกครั้ง ก็รู้ดีว่า คนทั้งโลกใครก็่ช่วยไม่ได้ จะมีก็แต่หลวงพ่อนิพนธ์เท่านั้น ก็ตั้นด้นมาหา หวังในความเป็นลูกศิษย์เก่าแก่
อาทิเช่น ท่านโกวินทะ แห่งวัดไผ่รื่นรมย์ ที่โด่งดังของนครปฐม ผู้ซึ่งเป็นโรคหัวใจร้ายแรง เมื่อแพทย์ตรวจและรายงานผลให้ทราบ ก็มาหาหลวงพ่อนิพนธ์
คำตอบที่หลวงพ่อนิพนธ์ ให้แก่ท่านโกวินทะ นั่นคือ ใครคนใดในโลก ก็สามารถรักษาให้ได้ หากแต่ท่าน เป็นผู้ที่เรียนรู้หลักธรรมคำสอนของพระภูมีแล้วไซร้ แต่กลับนำความรู้ไปใช้ในทางที่ผิด ด้วยความรู้นี้ ทำให้ตนรอดพ้นวิกฤตในอดีตมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อผลผิดบังเกิดด้วยเหตุนี้ นั่นหมายความว่า ธรรมไม่มีผลอันใดต่อท่าน นั่นย่อมหมายถึง สมุนไพร ก็จักไม่มีผลอันใดเฉกเช่นเดียวกัน ทานไปก็ไร้ประโยชน์
ยักษ์หน้าโบสถ์กลุ่มแรก ในยุคนี้ จึงเป็นพระถ้ำกระบอกนั่นเอง หลายต่อหลายองค์ ที่เมื่อประสพชะตากรรม ก็ได้แต่ชะแง้ดูคนเขาช่วยตนจนหาย ส่วนตัวเองได้แต่เห็น ได้แต่มอง อยากสักเพียงใด ก็เข้ามาไม่ได้ เอื้อมไม่ถึง ไม่ว่าจะเป็น ท่านโกวินทะ ท่านแพง ...
นั่นหมายถึง รู้ว่ามีหนทางรอด แต่ไปไม่ได้นั่นเอง
ยักษ์รุ่นต่อไป ที่เรามองเห็น ก็เป็นพวกคนไข้ที่มาใช้แนวทางสมุนไพรแม่ชีเมี้ยน จนประสพผล แล้วก็ทำตัวเหมือน ขึ้นฝั่งได้ ทุบท่าทิ้งเลย โดยไม่คิดว่าวันข้างหน้าของตน อาจจะต้องมาพึ่งท่าอีกก็เป็นได้ นั่นคือ ไปไม่เหลียวหลัง ไปแล้วไปลับ ทำตนเหมือนไม่เคยพบ ไม่เคยเห็นกัน ไม่มีเยื่อใยใดๆ กับแผ่นดินที่ตนเองเคยมาใช้กอบกู้ชีวิตเลย
ยักษ์เหล่านี้ เมื่อกรรมปล้องต่อไปมาถึง ด้วยความอายก็ไม่กล้าเข้ามา เพราะรอยที่ทำมันค้ำอยู่ ก็หันไปพึ่งทางอื่น จนในที่สุด ความจริงก็ฟ้อง นั่นคือ สภาพร่างกายไม่ไหว ... ก็มาร้องขอ ให้หลวงพ่อนิพนธ์ช่วยอีกครั้ง
ยักษ์พวกนี้ ยิ่งวันยิ่งเยอะ หากแต่ด้วยพฤติกรรมที่ทำ ทำให้หลวงพ่อนิพนธ์ ต้องอุเบกขา ปฏิเสธการเข้ามาของพวกเขา
เราจึงอยากเตือนว่า จะทำอะไร ก็พึงคิดบ้าง อย่ามีพฤติกรรม เหมือนคนรุ่นเก่า ที่ทำรอยให้เห็น เพราะนั่นเท่ากับตัดทางเลือกของตนเอง และวงศ์วานว่านเครือ ไม่ให้เข้ามาถึงสิ่งที่ดีงามได้
หลวงพ่อนิพนธ์จึงมักพูดเล่นๆ เสมอว่า ... ตัวของหลวงพ่อนิพนธ์ ขาดเราท่าน ไม่เป็นไร เพราะจะมีคนใหม่ที่อยากได้มาแทนอย่างแน่นอน หากแต่เราท่าน ขาดหลวงพ่อนิพนธ์ นั่นหมายถึง ทางเลือกที่จะช่วยให้รอด ถูกปิดลง
นั่นแลพฤติกรรมที่จะทำให้ตนของเราท่าน กลายเป็นยักษ์หน้าโบสถ์ รู้เห็นอยากได้ แต่เอื้อมไม่ถึง